วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ช่องทางการติดต่อ

ช่องทางการติดต่อ

กรณีที่ท่านต้องการความช่วยเหลือในเรื่องต่าง ๆ ท่านสามารถติดต่อมาได้ที่
คุณสมชัย เจริญวรเกียรติ
3/112 ถนนอิสระภาพ แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ 10600

Tel. 0850 436 888 Email: somchai48@gmail.com

มีปัญหาเกี่ยวกับ ฮวงจุ้ย ส่ง รูปภาพ สถานที่ บ้าน อาคาร ที่ทำงาน หรือ แบบร่าง แปลนบ้าน พร้อมแจ้งมาว่าหน้าบ้านหันออกทิศใด พร้อมส่งชื่อ นามสกุล เวลาเกิด วันเดือนปีเกิด และ ชื่อ ที่อยู่ ที่ทีมงานสามารถส่งแนวทางแก้ปัญหากลับไปให้

มีปัญหาเรื่อง โหงวเฮง ส่งรูปถ่ายหน้าตรง ด้านข้างซ้าย - ขวา เน้นให้เห็นหูชัด ๆ พร้อมส่งชื่อ นามสกุล เวลาเกิด วันเดือนปีเกิด และ ชื่อ ที่อยู่ ที่ทีมงานสามารถส่งแนวทางแก้ปัญหากลับไปให้

มีปัญหาเกี่ยวกับ ดวงชะตา เขียนเล่าปัญหาที่เกิดขึ้น และต้องการให้ทีมงานแก้ปัญหาให้ด้านใดพร้อมส่งชื่อ นามสกุล เวลาเกิด วันเดือนปีเกิด และ ชื่อ ที่อยู่ ที่ทีมงานสามารถส่งแนวทางแก้ปัญหากลับไปให้

มีปัญหาเรื่อง ลายมือให้ถ่ายรูปลายมือซ้าย ขวา ฝ่ามือ และ หลังมือ ที่ชัด ๆ พร้อมส่งชื่อ นามสกุล เวลาเกิด วันเดือนปีเกิด และ ชื่อ ที่อยู่ ที่ทีมงานสามารถส่งแนวทางแก้ปัญหากลับไปให้

มีปัญหาเรื่อง ชื่อกับชีวิตให้เขียนชื่อปัจจุบันพร้อม ชื่อที่ต้องการเปลี่ยน หรือจะให้ทางทีมงานหาชื่อให้ พร้อมส่งชื่อ นามสกุล เวลาเกิด วันเดือนปีเกิด และ ชื่อ ที่อยู่ ที่ทีมงานสามารถส่งแนวทางแก้ปัญหากลับไปให้

มีปัญหาเรื่อง ลายเซ็นต์ ให้เซ็นต์ ลายเซ็นต์ที่ใช้อยู่ปัจจุบัน 2 ครั้ง ๆ พร้อมส่งชื่อ นามสกุล เวลาเกิด วันเดือนปีเกิด และ ชื่อ ที่อยู่ ที่ทีมงานสามารถส่งแนวทางแก้ปัญหากลับไปให้
มีปัญหาเรื่อง ตัวเลขกับชีวิต ซึ่งจะนำไปใช้กับทะเบียนรถ เลขที่บ้าน หมายเลขโทรศัพท์ วัน เลาจัดงานมงคลต่าง ๆ พร้อมส่งชื่อ นามสกุล เวลาเกิด วันเดือนปีเกิด และ ชื่อ ที่อยู่ ที่ทีมงานสามารถส่งแนวทางแก้ปัญหากลับไปให้

มีปัญหาเกี่ยวกับ สุขภาพกับชีวิต เขียนเล่าปัญหาที่เกิดขึ้น โรคภัยที่เป็นอยู่ และต้องการให้ทีมงานแก้ปัญหาให้ด้านใดพร้อมส่งชื่อ นามสกุล เวลาเกิด วันเดือนปีเกิด และ ชื่อ ที่อยู่ ที่ทีมงานสามารถส่งแนวทางแก้ปัญหากลับไปให้

มีปัญหาเรื่อง งานก่อสร้าง ตกแต่ง ที่เป็นปัญหาอยู่ในปัจจุบัน หรือต้องการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัย ให้เหมาะสมกับปีเกิด ช่วยส่งรูปถ่ายบ้าน หรือเขียนแปลนบ้านที่เป็นอยู่ พร้อมกับทิศของประตูหน้าบ้านว่าหันอยู่ทิศใด พร้อมส่งชื่อ นามสกุล เวลาเกิด วันเดือนปีเกิด และ ชื่อ ที่อยู่ ที่ทีมงานสามารถส่งแนวทางแก้ปัญหากลับไปให้

มีปัญหาเรื่อง การทำธุรกิจ ให้เล่าเรื่องราวปัญหาในการทำธุรกิจ แนวทางที่คิดว่าจะแก้ไข หรือต้องการให้ทีมงานหาแนวทางแก้ไขให้ พร้อมส่งชื่อ นามสกุล เวลาเกิด วันเดือนปีเกิด และ ชื่อ ที่อยู่ ที่ทีมงานสามารถส่งแนวทางแก้ปัญหากลับไปให้

ลักษณะของที่ดินที่มีผลต่อ ฮวงจุ้ย

ลักษณะที่ดิน มีผลต่อการอยู่อาศัย การลงทุนเรื่องการก่อสร้าง และข้อกฎหมาย ที่เกี่ยวข้อง
หากมีโอกาสจึงควรเลือกที่ดินที่ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด
ดังนั้นข้อมูล ที่ได้จัดเตรียมไว้ให้ หวังว่าจะเป็นแระโยชน์
ขอบคุณมากครับ
สมชัย เจริญวรเกียรติ

ต้นไม้ กับ ฮวงจุ้ย

สมชัย เจริญวรเกียรติ กับ ฮวงจุ้ย ง่าย ๆ แก้ชีวิตให้ดีได้ 4
somchai48@gmail.com 19 เมษายน 2554

ต้นไม้ กับ ฮวงจุ้ย

สิ่งที่มักจะพบอยู่เสมอในบริเวณบ้าน คือ ต้นไม้ ซึ่งการมีต้นไม้ในบริเวณบ้าน และในบ้านจะส่งทั้งผลดี และ ผลร้ายต่อผู้อยู่อาศัย จึงจำเป้นต้องศึกษาเรียนรู้ และนำไปปฎิบัติ หรือแก้ไข ให้เหมาะสม

การศึกษาเรื่องต้นไม้กับฮวงจุ้ยสามารถใช้หลักทางวิทยาศาสตร์ สถาปัตยกรรมศาสตร์ และ ทางสังคมศาสตร์มาช่วยอธิบาย เพื่อความเข้าใจอย่างถูกต้องและเป็นเหตุเป็นผล

สิ่งที่มักพบเสมอ ๆ เรื่อง ต้นไม้กับฮวงจุ้ย คือ

1.ไม่ควรมีต้นไม้ใหญ่อยู่หน้าบ้าน เพราะต้นไม้ใหญ่จะกั้นสิ่งที่ดี และแสงสว่างที่จะส่องเข้าบ้าน และไม่สามารถขับไล่ความอับเฉาออกจากตัวบ้านได้ อีกทั้งใบไม้ที่ล่วงหล่นก็จะพัดเข้าตัวบ้าน ยามเกิดลมแรง และเมื่อเกิดฝนฟ้าคะนอง อาจประสบภัยพิบัติจากฟ้าผ่าได้
เหตุผลจากการออกแบบสถาปัตยกรรมศาสตร์
ในสมัยก่อนการสร้างอาคารบ้านเรือนมักจะสร้างเพียงชั้นเดียว ต้นไม้ที่สูงจะทำให้ผู้ร้ายปีนขึ้นไปแอบซ่อนตัว และสามารถมองเห็นผู้คนในบ้าน พร้อมกับลอบทำร้ายด้วย ธนู หรือเกาฑัณต์ ได้ง่าย จึงไม่ควรมีต้นไม้ใหญ่ไว้หน้าบ้าน
เหตุผลทางวิทยาศาสตร์
ประเทศจีนเป็นประเทศที่มี 4 ฤดู คือ ฤดูร้อน ฤดูฝน ฤดูใบไม้ร่วง และฤดูหนาว การที่มีต้นไม้ใหญ่ไว้หน้าบ้าน เมื่อถึงฤดูฝน ฝนตกฟ้าคะนอง ฟ้าที่ผ่าลงมาจะผ่าที่ยอดไม้เพราะอยู่สูงกว่าสิ่งอื่น ๆ เมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วง ใบไม้ก็จะร่วงหล่น เป็นธรรมชาติ
แนวทางการแก้ปัญหาเรื่องต้นไม้ใหญ่หน้าบ้าน
สำหรับเมืองไทยนั้นลักษณะทางภูมิศาสตร์ และลักษณะทางภูมิอากาศ แตกต่างจากประเทศจีน และหากพิจารณาเรื่องการปลูกต้นไม้ใหญ่หน้าบ้าน มีข้อควรพิจารณาดังนี้
1.บ้านที่สามารถมีต้นไม้ใหญ่หน้าบ้านได้ ควรมีหน้าบ้านที่หันออกทิศตะวันตก และทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เพื่อบังแสงแดดที่ร้อนยามบ่ายที่ส่องลงตัวอาคาร
2.หากต้องการปลูกต้นไม้หน้าบ้าน ควนมีระยะห่างระหว่างตัวบ้านกับต้นไม้ ไม่น้อยกว่าความสูงของต้นไม้ เช่นต้นไม้สูงเต็มที่ 3 เมตร ก็ควรมีระยะห่างระหว่างตัวบ้านกับต้นไม้ ไม่น้อยกว่า 3.5 เมตร เพื่อว่าเวลาต้นไม้ล้มจะได้ไม่มากระแทรกตัวบ้านให้ได้รับความเสียหาย หรือ เมื่อเกิดฟ้าผ่าที่ต้นไม้ กระแสไฟฟ้าที่เกิดจากฟ้าผ่าก็ไม่เป็นอันตรายถึงตัวบ้าน และคนที่อาศัยอยู่ในบ้าน
3.หากต้องการปลูกต้นไม้ควรเลือกต้นไม้ที่ไม่ผลัดใบ หรือ เป็นต้นไม้ที่ใบไม่ค่อยร่วง เช่น ต้นปาลม์ ต้นมะม่วง ต้นขนุน และต้นไม้ยังช่วยบังแดด บังแสงแสงไฟหน้ารถที่ส่องเข้ามาตัวอาคารในเวลากลางคืนด้วย
4.ต้นไม้ที่จะปลูก ควรจะปลูกเยื้องจากประตูทางเข้าไม่ตรงประตูทางเข้า จะอยู่ทางซ้ายหรือทางขวาขึ้นอยู่กับ ธาตุเกิดของเจ้าของบ้าน
5.ดูแลต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกให้ดีก็จะทำให้ครอบครัว ธุระกิจเจริญงอกงามด้วย หากต้นไม้เหี่ยวเฉาหรือตาย ต้องรีบถอนออก อย่าให้เหลือตอไว้

2.ไม่ควรมีต้นไม้ทะลุชายคาบ้าน หรือ เพิงที่มีไว้กันแดดฝน เพราะจะเป็นลางร้าย ทำให้ครอบครัวแตกแยก
เหตุผลจากการออกแบบสถาปัตยกรรมศาสตร์
หากมีต้นไม้ที่โผล่ทะลุชายคาบ้าน หรือ เพิงที่มีไว้กันแดดฝน หลังคาส่วนนั้นจะแตกออกจากกัน เนื่องจากต้นไม้มีการเจริญเติบโตอยู่ตลอดเวลา และลำต้นที่ขยายออกจะดันออกด้านข้างทำให้ช่องว่างระหว่างช่องหลังคากับต้นไม้แคบลง จนทำให้หลังคาแตกออกจากกัน และการปิดยาแนวหลังคาไม่ให้น้ำซึมเข้ามาในอาคารทำได้ยาก อีกทั้งกิ่งก้าน และผล ของต้นไม้ที่อยู่เหนือหลังคาเมื่อถูกลมพัดรง ๆ ก็จะโอนเอนไปมา เบียดกับหลังคาทำให้หลังคาแตกหัก หรือ กิ่งก้าน ผล ที่ล่วงหล่นลงมาจะกระทบกับหลังคาสามารถทำทำให้หลังคาแตกหักได้รับความเสียหายอีกด้วย
เหตุผลทางด้านวิทยาศาสตร์
การที่มีต้นไม้ที่โผล่ทะลุชายคาบ้าน หรือ เพิงที่มีไว้กันแดดฝน ย่อมทำให้มีมดและแมลงอาศัยอยู่กับ
ต้นไม้สามารถเข้ามาทำความรำคาญ และทำความเสียหายกับอาคารได้ โดยเฉพาะปลวกที่มักอาศัยอยู่กับต้นไม้
แนวทางการแก้ปัญหาเรื่องต้นไม้ทะลุชายคาบ้าน
สำหรับบ้านที่ต้องการมีต้นไม้ทะลุชายคาบ้านนั้น แนะนำให้ตัดต้นไม้ออก เพราะปัญหาที่ตามมามีมากมาย และที่สำคัญเวลามีลมพัดแรง ต้นไม้จะแกว่งตัวกระทบหลังคา ส่งผลให้หลังคาได้รับความเสียหายตลอดเวลา

3.ถ้าต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกไว้มีไม้เถาพันอยู่เต็มต้น จะนำมาซึ่งโชคร้าย เจ้าของบ้านจะต้องคดีทางศาล จะมีเหตุให้คนในบ้าน ฆ่าตัวตาย
เหตุผลจากการออกแบบสถาปัตยกรรมศาสตร์ และวิทยาศาสตร์
ต้นไม้ที่เกาะต้นไม้ใหญ่ส่วนใหญ่จะเรียกว่ากาฝาก กาฝากบางชนิดจะชอนไชรากเข้าไปที่ท่อน้ำเลี้ยงของต้นไม้หลัก และแย่งอาหารจนทำให้ต้นไม้หลักตายได้ และหากต้นไม้หลักตายก็จะส่งผลให้บริเวณนั้นร้อน และแห้งแล้งอีกทั้งซากของต้นไม้ที่ตายก็เป็นที่อยู่ของสัตว์ที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์เช่นงู หนู แมลงต่าง ๆ
เหตุผลทางสังคม และสิ่งแวดล้อม
การที่มีกาฝากมาเกาะที่ต้นไม้ย่อมทำให้เกิดความรกรุงรัง และเป็นที่อยู่ของสัตว์ที่เป็นอันตรายได้เช่น งู ตะขาบ และหากว่าสัตว์อันตรายได้กัดคนเข้าแน่นอนว่ายอม

แนวทางการแก้ปัญหาเรื่องต้นไม้ใหญ่ที่ปลูกไว้มีไม้เถาพันอยู่เต็มต้น
หากเจ้าของบ้านเป็นผู้ที่ชื่นชอบการปลูกไม้เถาท่านก็สามารถปลูกไม่เถาได้ แตต้องหมั่นดูแลตัดกิ่งก้านใบของม้เถาอย่าให้รกรุงรังจนป็นที่อยู่ของสัตว์ที่เป็นอันตราย เช่น งู หนู แมลงต่าง ๆ


4.ไม่ควรปลูกต้นไม้ใหญ่ หรือสวนดอกไม้ไว้กลางลานบ้าน จะนำภัยร้ายมาโดยไม่คาดถึง และนำโรคร้ายมาให้เสมอ ๆ หากต้องการปลูกเพื่อให้ร่มเงาควรปลูกไว้ด้านข้างบ้าน หรือ ข้างอาคาร
เหตุผลจากการออกแบบสถาปัตยกรรมศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ ในสมัยก่อน การปลูกบ้านไม่แน่หนามากนัก และ อาคารบ้านช่องไม่สูง ไม่สามารถต้านกระแสลมได้ การปลูกต้นไม้ หรือมีสวนดอกไม้ไว้หน้าบ้าน เมื่อกระแสลมพัดผ่านมาจะพัดเอาเศษใบไม้ ฝุ่นเข้ามาสู่บ้านได้ โดยเฉพาะฤดูใบไม้ร่วง จะมีเศษใบไม้จำนวนมากขึ้น ซึ่งจะพัดเข้าบ้านช่องได้
แนวทางการแก้ไขการปลูกต้นไม้ใหญ่ หรือสวนดอกไม้ไว้กลางลานบ้าน
ปัจจุบันสำหรับบ้านในเมือง พบว่า การพัดของกระแสลมจะไม่รุนแรงมากนักเนื่องจากมีอาคารที่มีความสูงบดบังทิศทางลมไว้ให้จึงสามารถปลูกไม้ใหญ่ และสวนดอกไม้ไว้กลางลานบ้านได้ แต่ควรจะเลือกพันธุ์ไม้ที่ไม่ค่อยพลัดใบ หรือ มีดอกที่ร่วงหล่นน้อย และเจ้าของบ้านต้องหมั่นทำความสะอาดลานบ้านเสมอ ๆไม่ให้มีเศษ ขยะ เศษใบไม้ ที่จะเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ที่เป็นอันตราย หรือเป็นที่เก็บฝุ่น ผงต่าง ๆ

5.การปลูกบ้านในที่ดินที่เคยเป็นหญ้ารกมาก่อนควรทำลายหญ้าให้หมดรากถอนโคน มิฉะนั้นผู้ที่อาศัยอยู่จะอับโชค มีทุกข์ยาก
เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ เนื่องจากหญ้าจัดเป็นพืชล้มลุก ขยายพันธุ์ ด้วยการแตกหน่อ และเมล็ด ก่อนการปลูกบ้าน อาคาร หากไม่กำจัดรากเหง้าของหญ้าให้สิ้นซาก หญ้าก็มีโอกาสงอกขึ้นมาใหม่ใต้บ้าน หรือ อาคาร และไปทำลายฐานรากของบ้าน หรือ อาคารนั้น ๆ อีกทั้งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรคต่าง ๆ มีโอกาสทำให้เป็นโรคทางเดินหายใจ
แนวทางการแก้ไขการปลูกบ้านในที่ดินที่เคยเป็นหญ้ารกมาก่อน
เนื่องจากหญ้าเป็นพืชที่สามารถเจริญเติบโตได้ง่าย ดังนั้นการกำจัดหญ้าจึงจำเป็นต้องใช้วิธีขุดดินขึ้นมาเพื่อตากแดด และใช้น้ำยาฆ่าหญ้าจึงจะกำจัดหญ้าได้อย่างหมดสิ้น นอกจากนี้ ซากของหญ้าหรือต้นไม้ที่เน่าเปื่อยผุพังมักจะเป็นอาหารของแมลงต่าง ๆ รวมถึงปลวกที่ชอบกินไม้ด้วย การกำจัดหญ้าจนหมดสิ้นก็จะเป็นวิธีการป้องกันปลวกได้อีกวิธีหนึ่ง

ขอให้เป็นประโยชน์ แก่ผู้นำไปใช้ หรือสนใจ
ขอบคุณครับ
สมชัย เจริญวรเกียรติ

วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

แนวทางในการทำ ธุรกิจ Business Concept

เรียนท่านผู้บริหาร
ผมชื่อนายสมชัย เจริญวรเกียรติ

ผมขอฝากคำถามเหล่านี้ให้ท่านพิจารณาว่า การที่ท่านจะเปิดธุรกิจใหม่ ท่านมีคนพร้อมที่จะทำงาน และเตรียมแผนงานเหล่านี้หรือไม่ ถ้าท่านยังไม่มี คงต้องเตรียมตัวเพื่อให้ธุรกิจท่านประสบความสำเร็จ

ขอบคุณครับ
สมชัย เจริญวรเกียรติ

แนวทางในการทำ Business
Chapter 1 Information of Company
1.ประวัติบริษัท และกลุ่มผู้บริหารปัจจุบัน
2.ความสำเร็จที่ผ่านมาในอดีต
3.ผลิตภัณท์ ปัจจุบัน และผลิตภัณท์ในอนาคตของบริษัท
4.บริษัท มีวิธีหารายชื่อคู่แข่ง และข้อมูลของคู่แข่งด้วยวิธีใด
Chapter 2 Information of Products and Maketing
1.บริษัทมีจุดแข็งด้านใดบ้างเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่ง
2.บริษัทมีวิธีการอย่างไรในการรักษาจุดแข็งเอาไว้อย่างต่อเนื่อง
3.บริษัทมีการวางกลยุทธ์ทางการตลาดไว้อย่างไรบ้าง
4.บริษัทมีการสำรวจความต้องการของลูกค้าอย่างไรบ้าง
5.บริษัทเลือกสถานที่การจัดจำหน่ายสินค้าอย่างไรเพื่อให้เหมาะกับสินค้าแต่ละประเภท และมีช่องทางไหนบ้างที่บริษัทใช้อยู่ในปัจจุบัน (วิทยุ,นสพ. ฯลฯ)
6.ความสัมพันธ์ระหว่างบริษัทกับลูกค้าอยู่ในระดับไหน ถ้าอยู่ในระดับที่เข้าไปช่วยแก้ไขปัญหา บริษัทจะมีวิธีการอย่างไรในการแก้ไขปัญหาต่างๆ
7.ปัจจัยอะไรที่บริษัทใช้ในการตัดสินใจคิดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆออกมา
Chapter 3 Type of Products and type of Customer
1.สินค้าของบริษัทแบ่งเป็นกี่ประเภท และแต่ละประเภทเหมาะสมกับลูกค้าแบบไหนหรือกลุ่มไหน
2.บริษัทมีการแบ่งประเภทของลูกค้าออกเป็นกี่กลุ่ม และมีวิธีการดูแลลูกค้าแต่ละประเภทอย่างไร
3.เมื่อบริษัทต้องการขยายกลุ่มลูกค้า มีขั้นตอนและวิธีการอย่างไร ในการเพิ่มลูกค้าให้กับบริษัท ใช้วิธีไหนบ้าง
4.บริษัทได้กำหนดคุณสมบัติเกณฑ์การคัดเลือกพนักงานขายอย่างไรบ้าง
5.พนักงานขายมีวิธีการอย่างไรที่จะดูแลรักษาลูกค้าเดิมของบริษัทให้ยังคงซื้อสินค้าจากบริษัทอย่างต่อเนื่อง และความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานขายกับลูกค้าเป็นไปในแบบใด
6.บริษัทมีขั้นตอนอย่างไรบ้างในการติดต่อให้ลูกค้าซื้อของกับบริษัท (ให้ข้อมูล>>แนะนำโปรโมชั่น>>สอบถามการสั่งซื้อ>>การโอนเงินและสถานที่ เป็นต้น)
Chapter 4 Purchasing process
1. สินค้าประเภทไหนที่ลูกค้าจะซื้อเป็นประจำ และเป็นลูกค้ากลุ่มไหน
2. ลูกค้าเดิมที่เคยซื้อสินค้าชนิดเดิมไปแล้ว ต้องการเปลี่ยนสินค้าใหม่ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าเดิม จะมาซื้อสินค้าประเภทไหน เป็นลูกค้ากลุ่มอะไร
3.สำหรับลูกค้าเก่ากับลูกค้าใหม่จะมีขั้นตอนการสั่งซื้อสินค้าแตกต่างหรือเมือนกันอย่างไรบ้าง
4.ทางบริษัทมีการช่วยเหลือลูกค้าในการเลือกซื้อสินค้าหรือไม่
5.ถ้ามีจะมีการช่วยเหลือตั้งแต่ขั้นตอนไหน ปัญหาของลูกค้าจะได้รับการแก้ไข ถ้าใช้สินค้าตัวนั้นๆ ทำให้ลูกค้าเราเห็นว่าสินค้ามีความแตกต่างจากสินค้าอื่นๆ อย่างไร วิธีการนำเสนอความแตกต่างของสินค้า การตัดสินใจในการเลือกซื้อสินค้าจากตัวเลือกที่มีทั้งหมด
6.ขณะที่ลูกค้ากำลังตัดสินใจซื้อสินค้า พนักงานขายมีวิธีการพูดหรือชักจูงลูกค้าอย่างไรเพื่อที่จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อสินค้าในท้ายที่สุด
7.หลังจากที่ลูกค้าซื้อสินค้าไปแล้ว พนักงานขายมีการแสดงหรือการสาธิตใช้สินค้าจริง ถ้าหากเป็นสินค้าที่ลูกค้าไม่สามารถติดตั้ง หรือสินค้าชิ้นใหญ่ทางบริษัทมีบริการเสริมให้กับลูกค้าบ้างหรือไม่
8.ทางบริษัทมีบริการหลังการขายให้ลูกค้าหรือไม่ ถ้ามี ยกตัวอย่าง
Chapter 5 CRM Customer Relation Management
1.ทางบริษัทมีการติดต่อลูกค้าเก่าบ้างหรือไม่ และถ้ามีทางบริษัทจะมีการคัดเลือกอย่างไรบ้าง และใช้วิธีไหนในการติดต่อ
2.ทางบริษัทมีการแบ่งประเภทลูกค้าอย่างไรบ้าง เช่น ระดับความสัมพันธ์
3.ความซับซ้อนหรือโครงสร้างบุคลากรของบริษัทลูกค้ามีผลกระทบต่อขั้นตอนการขายอย่างไรบ้าง
4.การที่จะส่งพนักงานขายไปหาลูกค้า ตำแหน่งหน้าที่ของลูกค้ามีผลต่อพนักงานขายหรือไม่ เช่น ตำแหน่ง การตลาด , ฝ่ายการผลิต , ฝ่ายจัดซื้อ
5.วิธีการขายหรือการพูดของพนักงานขายในการตกลงกับลูกค้าในแต่ละตำแหน่งมีความเหมือนหรือแตกต่างอย่างไร ต้องใช้ทีมขายหรือไม่ แล้วทีมขายต้องมีใครบ้าง
6.ทางบริษัทมีการรักษาความสัมพันธ์ระยะยาวกับูค้าบ้างหรือไม่  ถ้ามีทางบริษัทมีวิธีการอย่างไรบ้างเพื่อให้รักษาฐานลูกค้าเดิม

Chapter 6 Sale Performance
1.ในการขายแต่ละครั้ง พนักงานขายจะต้องมีการดำเนินขั้นตอนในการขาย
2.อย่างไรบ้าง เช่นก่อนขายเตรียมตัวอย่างไร ตอนขายต้องทำอย่างไร และหลังการขายมีการทำอะไรบ้าง
3.ในแต่ละขั้นตอนจำเป็นต้องมีลักษณะในการพูดเพื่อขายแตกต่างกันอย่างไร
4.ในแต่ละขั้นตอน ต้องให้พนักงานขายกี่คนเพื่อรับผิดชอบแต่ละขั้นตอน
5.ในการติดต่อกับลูกค้าแต่ละครั้ง พนักงานขายจะต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง หาข้อมูลลูกค้าก่อนไปนำเสนอขาย
6.ในการติดต่อลูกค้าแต่ละคนผู้จัดการจะตัดสินใจส่งพนักงานขายไปดูเรื่องอะไรบ้าง เช่น ลักษณะของลูกค้า ลักษณะของพนักงานขาย แล้วสิ่งนี้มีผลอย่างไรบ้างในการติดต่อ
7.การที่จะประสบความสำเร็จในการเสนอขายแต่ละครั้งมีปัจจัยใดบ้างที่ส่งผลถึงผลลัพธ์ที่ออกมาและปัจจัยใดบ้างที่บริษัทควบคุมและควบคุมไม่ได้
8.ถ้าหากการติดต่อซื้อขายไม่ประสบความสำเร็จ ทางบริษัทมีการประเมินสาเหตุของปัญหาหรือไม่ แล้วมีวิธีการจัดการปัญหานั้นอย่างไร

Chapter 7 Sale Management
1. บริษัทของคุณมีการแบ่งแผนกของการขายจากพื้นที่, ตัวสินค้า, ลูกค้า หรือฟั่งก์ชั่นของสินค้ายังไง ช่วยวาดรูปให้ดูได้มั๊ยคะ และการแบ่งแบบนี้มีข้อดีข้อเสียยังไง
2. บริษัทมีการระบุกลุ่มลูกค้าโดยใช้พนักงานขายของบริษัทหรือจ้าง sales person จากภายนอก เพราะอะไร
3. บริษัทมีรูปแบบในการใช้พนักงานขาย จากภายนอก, ใช้sales manager หรือseparate sales force ในการดูแลลูกค้า
4.บริษัทมีการให้เซลเมเนเจอร์ดูแลลูกค้ามั๊ย ถ้ามีให้ดูแลกลุ่มลูกค้าประเภทไหน เช่น ลูกค้าที่ซื้อปริมาณมาก หรือ ลูกค้าที่ซื้อมานานแล้ว แล้วเพราะอะไรถึงใช้เซลเมเนเจอร์ แล้วถ้าไม่ใช้เพราะอะไร
5. บริษัทมีการใช้พนักงานขายจากภายนอกมั๊ย ในกรณีใดบ้าง เช่น ออกบู๊ท และใช้เพื่อดูแลลูกค้ากลุ่มไหน
6. บริษัทมีการให้ค่าแรงกับพนักงานขายของบริษัทและพนักงานขายจากภายนอก(outsourcing ) ยังไง และใช้พนักงานขายของบริษัทหรือภายนอกในช่วงเวลา(สินค้าออกใหม,สินค้านานแล้ว)ที่ต่างหรือกับสินค้าที่ต่างกันยังไง

Chapter 8 Human Management
1.บริษัทมีการวางแผนขั้นตอนในการรับสมัครพนักงานใหม่ยังไง และในการรับสมัครแต่ละครั้งมีการคํานึงถึงต้นทุนในการรับสมัครพนักงานใหม่หรือไม่ ว่าต้องได้พนักงานใหม่กี่คนในแต่ละครั้งไม่ใช่ทําฟรี
2. เวลารับสมัครพนักงานใหม่บริษัทมีการคํานึงถึงวัฒนธรรมที่แตกต่างระหว่างพนักงานใหม่กับบอส หรือ วัฒนธรรมของบริษัทหรือไม่ เช่นอยากได้พนักงานที่มีความคิดสร้างสรรค์ หรือทํางานแบบคิดเองทําเอง หรือเป็นพนักงานที่ต้องทําตามที่หัวหน้าสั่งเท่านั้นห้ามออกความเห็น
3. ถ้ามีพนักงานที่แตกต่างด้านวัฒนธรรม แต่มีความสามรถมาก บริษัทจะมีการพิจารณาเป็นพิเศษมั๊ยอย่างไร
4.บริษัทมีเกณฑ์การให้คะแนน แกผู้มาสมัครอย่างได้ ใช่อะไรในการวัด ว่าผู้สมัครเหมาะสมจะร่วมงานกับบริษัท
5. บริษัทมีช่องทางไหนในการรับสมัครพนักงานใหม่บ้าง( on-line advertising, present employee, referral / networking, employee agency, colleges and university, customer, supplier and competitor)
6. จากข้อ5. ช่องทางไหนที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด เพราะอะไร
7. ช่องทางไหนที่ทางบริษัทนิยมใช้( prefer ) มากที่สุด เพราะเหตุใด

หากสามารถดำเนินการได้ตามที่วางแผนไว้ ธุรกิจ ก็มีแนวโน้ม จะประสบความสำเร็จสูง
และ หากการแก้ปัญหาเป็นไปอย่างมีเหตุ มีผล และมีการวางแผนที่ดี ก็จะทำให้ธุรกิจเจริญเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และทุกคนในองค์กรก็จะมีความสุข ด้วยกัน

ขอบคุณมากครับ
สมชัย เจริญวรเกียรติ
somchai48@gmail.com
Tel. 0814363483

ปัญหาของบ้าน และ อาคาร ตามหลักฮวงจุ้ยแนวทางการแก้ปัญหาด้วยความรู้ทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ และทางสังคมศาสตร์

สมชัย เจริญวรเกียรติ กับ ฮวงจุ้ย ง่าย ๆ แก้ชีวิตให้ดีได้ 3 somchai48@gmail.com 18 เมษายน 2554

ปัญหาของบ้าน และ อาคาร ตามหลักฮวงจุ้ยแนวทางการแก้ปัญหาด้วยความรู้ทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ และทางสังคมศาสตร์

ห้องนอน
1.ไม่ควรวางเตียงนอนไว้ใต้ขื่อ หรือ คาน จะทำให้ผู้ที่นอนอยู่มีแต่ความโชคร้าย
อธิบาย : 1.ในสมัยก่อนบ้านต่าง ๆ มักจะมีความสูงไม่มาก หากตื่นนอนในเวลาการคืนอย่ารีบร้อน ศีรษะอาจกระแทรก ขื่อ หรือ คานได้รับอันตรายได้
2. ขื่อ หรือ คานจะเป็นที่เก็บฝุ่น ละออง เมื่อมีจำนวนมากก็จะล่วงหล่นลงสู่เตียงนอน ผลคือทำให้ผู้ที่นอนอยู่ด้านล่างมีโอกาสเป็นภูมิแพ้จากฝุ่นได้ง่าย
3. การลอบทำร้ายของผู้ร้ายสมัยก่อนจะหลบซ่อนตัวอยู่บนคาน การที่คานอยู่เหนือเตียงนอน เมื่อนอนหลับ ก็อาจถูกคนร้ายที่แอบซ่อนบนคานทำร้ายได้
วิธีแก้ : หากห้องนอนมีความสูงเพียงพอ ควรจะทำฝ้าเพื่อปกปิดไม่ให้เห็น ขื่อ คาน กรณีไม่สามารถทำฝ้าได้ก็ให้ย้ายเตียงไม่ให้อยู่ใต้ขื่อ คาน

2.การวางเตียงตรงกับประตูทางเข้าห้องนอน จะทำให้เจ็บป่วย ฝันร้าย เหมือนถูกผีอำ และสูญเสียเงินทอง การทำธุรกิจมีแต่ขาดทุน
อธิบาย : 1.ในสมัยก่อน ประตู ต่าง ๆ มักไม่ค่อยแข็งแรง แน่นหนา การบุกรุกเข้ามาทำร้ายถึงห้องนอนทำได้ง่าย ๆ จึงควรตั้งเตียงนอนให้ห่างไม่ตรงกับประตูเพื่อเพิ่มระยะห่าระหว่างประตูกับเตียง และเพิ่มระยะเวลาให้รู้สึกตัวก่อนที่จะถูกลอบทำร้าย
2.ประตู จะมีส่วนประกอบต่าง ๆ เช่น บานพับ กลอน กุญแจ หากได้รับการสัมผัส หรือกระทบกระแทก ก็จะมีเสียงดัง เป้นที่รบกวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลากลางคืน หากเกิดเสียงดังที่ประตู ก็จะคล้ายกับมีผีมาหลอกหลอน
3.กรณีเกิดภัยธรรมชาติ หากเตียงตั้งอยู่ตรงกับประตูจะมีโอกาสได้รับอันตรายจาก ลมพายุ น้ำท่วม ที่พรุ่งตรงเข้ามา และเมื่อเปิดประตูฝุ่นผงที่อยู่นอกห้องจะถูกพัดเข้ามา และสะสมอยู่ที่เตียงนอน ทำให้เป็นโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจได้ง่าย และเมื่อสุขภาพไม่ดี การทำงานก็จะมีประสิทธิภาพลดลง
วิธีแก้ : เตียงนอนควรจะเลี่ยงไม่ตรงกับประตู แต่ถ้าหากเลี่ยงไม่ได้ ก็ควรหาฉากมากั้น ซึ่งฉากกั้นที่นำมากั้นควรจะมีความยาวมากกว่าเตียงสักเล็กน้อย และมีความทึบไม่โปร่งแสง ความสูง ประมาณ 1.5 เมตร และประตูทางเข้าห้องนอนควรจะดูแลให้แน่นหนา และไม่ควรให้มีเสียงอี๊ดอาด เพราะจะรบกวนการหลับนอนได้


3.ความสูงของเตียง ไม่ควรจะสูงหรือต่ำเกินไป ไม่เช่นนั้นผู้อยู่อาศัยจะไม่มีโชค และเด็กๆ ที่อยู่ในบ้านจะเจ็บไข้ได้ป่วย
อธิบาย : ชาวจีนนิยมนอนบนเตียง เนื่องจากมีความคิดว่า คนรวยเท่านั้นที่จะมีเตียงนอนได้ และใช้ใต้เตียงเก็บของมีค่าไว้ ต่างกับชาวญี่ปุ่น และชาวเกาหลี ที่ต้องนอนบนพื้น เนื่องจากต้องเผชิญกับแผ่นดินไหว ซึ่งการนอนบนพื้นจะปลอดภัยกว่า
การที่ต้องนอนสูงกว่าพื้นนั้น เป็นเรื่องที่ดี เพราะที่พื้นจะมีความชื้น เป็นที่อยู่ของเชื้อโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะเชื้อโรคที่เกี่ยวกับทางเดินอาหาร การนอนที่สูงจะเป็นการเลี่ยงเชื้อโรคที่อยู่บนพื้น ได้เป็นอย่างดี
วิธีแก้ : เตียงนอนควรมีความสูงจากพื้นที่พอเหมาะ ไม่เตี้ยเกินไป และสูงเกินไป หากสูงเกินไป เมื่อตื่นขึ้นมา และไม่ระมัดระวังอาจจะพลัดตกลงมาก็ทำให้บาดเจ็บได้ หากเตี้ยเกินไปก็จะสัมผัสกับเชื้อโรคบนพื้นได้และมีโอกาสเจ็บป่วย ได้ง่าย ๆ
ใต้เตียงไม่ควรใช้เป็นที่เก็บของ เพราะใต้เตียงจะเป็นที่เก็บฝุ่น ซึ่งจะทำให้เป็นโรคภิแพ้ได้ง่ายและใต้เตียงยังเป็นที่อยู่ของหนู แมลงที่อาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์ได้ หากต้องการเก็บของใต้เตียงก็สามารถทำได้ เพียงแต่ต้องเก็บอย่างมีระเบียบ และต้องทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ

4.เตียงนอนไม่ควรจะมีกระจกเงาอยู่ใกล้ จะทำให้ไม่เป็นสิริมงคลแก่เจ้าของห้อง
อธิบาย : การที่เตียงนอนไม่ควรมีกระจกอยู่ใกล้ เนื่องจากขณะที่นอนและบังเอิญตื่นขึ้นมาในกลางดึกอาจจะต้องตกใจได้ง่าย ๆเมื่อพบภาพตัวเองในกระจกเงา สภาพที่ไม่ได้เตรียมตัว และอาจมีปัญหากับผู้ที่เป็นโรคหัวใจ และเมื่อนอนอย่างไม่เป็นสุข สุขภาพก็จะไม่ดี และส่งผลให้การทำงานไม่ดีไปด้วย
วิธีแก้ : หากทำได้ควรย้ายกระจกเงาออกจากพื้นที่ของเตียง แต่ถ้าทำไม่ได้และจำเป็นต้องมีกระจกเงาอยู่ใกล้ ๆ เตียงนอน เช่นโต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า เพราะพื้นที่จำกัด ก็ควรจะหาผ้า หรือกระดาษ มาปิดกระจกเงาก่อนนอน เพื่อป้องกันการตื่นขึ้นมาตอนดึก และเห็นตัวเองในกระจก


ห้องครัว
1.ไม่ควรสร้างห้องครัวติดห้องนอน จะทำให้นอนไม่หลับ เหมือนเอาความรุ่มร้อนมาอยู่ใกล้ๆ
อธิบาย : การเอาห้องครัวมาติดกับห้องนอน ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง เพราะห้องนอนมีวัสดุที่ติดไฟง่าย ไม่ว่าจะเป็นที่นอน หมอน ผ้าห่ม และความร้อนจากการทำอาหารจะแผ่เข้ามาถึงห้องนอนได้ ทำให้ห้องนอนร้อน
ซึ่งเมื่อห้องนอนร้อนก็จะทำให้การหลับนอนไม่ดี สุขภาพก็ไม่ดี ส่งผลให้การทำงานไม่ดีไปด้วย
วิธีแก้ : ในการออกแบบควรวางห้องครัวให้ห่างจากนอน หากทำไม่ได้ในการทำผนังกั้นระหว่างห้องครัวกับห้องนอนควรจะใช้คอนกรีต หรือ อิฐมวลเบาที่สามารถป้องกันการถ่ายเทความร้อน ห้องครัวควรมีการถ่ายเทอากาศได้ดีเพื่อ และมีประตูปิดเพื่อป้องกันกลิ่น ฟุ้งกระจายเข้ามาในห้องอื่น ๆ

2.ห้องครัวไม่ควรสร้างติดกับห้องน้ำ จะทำให้ผู้อยู่อาศัย มีปัญหาทางด้านสุขภาพ และปัญหาด้านการเงิน จะถูกโกง หรือถูกใส่ร้าย
อธิบาย : หากพิจารณาถึงกิจกรรมที่เกิดขึ้นพบว่า ห้องครัวคือห้องสำหรับทำอาหาร ซึ่งต้องเน้นเรื่องความสะอาดเป็นอย่างมาก ส่วนห้องน้ำเป็นห้องที่มีความสกปรกมาก หากทั้งสองห้องมาอยู่ติดกันเชื้อโรคจากห้องน้ำอาจจะปนเปื้อนเข้ามากับอาหารได้ ทำให้เจ้าของบ้านเป็นโรคจากทางเดินอาหารได้ง่าย
เหตุผลอีกข้อ ห้องน้ำเป็นห้องที่มีความเย็น อุณหภูมิค่อนข้างต่ำ แต่ห้องครัว เป็นห้องที่มีความร้อน เมื่ออุณหภูมิของทั้งสองห้องต่างกัน ผนังที่กั้นระหว่างห้องทั้งสองห้องจะมีการยืดตัวหดตัวต่างกัน ส่งผลให้มีโอกาสแตกร้าว ผุพังได้ง่าย
วิธีแก้ : จัดวางห้องครัวให้ห่างจากห้องน้ำ พอสมควร หากทำไม่ได้ เนื่องจากพื้นที่มีจำกัด ต้อง ทำซิงค์ล้างมือด้านนอกเพิ่มขึ้นอีก 1 จุด และเน้นเรื่องการล้างมือให้สะอาดเสมอ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และถ้าสามารถทำได้ ควรทำผนังกั้นระหว่างห้องน้ำ และ ห้องครัว ให้มีช่องว่าง เป็นช่องอากาศ ก็จะแก้ปัญหาเรื่องการยืด หด ของผนังได้

3.ห้องครัว ไม่ควรวางเตาให้ตรงกับประตู เพราะจะทำให้ผู้อยู่อาศัยร้อนรุม อยู่บ้านไม่ติด
อธิบาย : เตาเป็นที่มาของความร้อน หากเตาถูกใช้งานคลื่นความร้อนจะแผ่ออกมา ทำให้ทั่วบริเวณมีความร้อนเพิ่มขึ้น และคลื่นความร้อนจะไหลออกทางด้านประตูในปริมาณที่มาก ทำให้ห้องที่อยู่ติดกันได้รับคลื่นความร้อนมาก และมีความรู้สึกไม่อยากอยู่บ้าน เพราะความร้อนที่แผ่ออกมานั่นเอง
วิธีแก้ : จัดวางเตาให้อยู่ที่ผนังด้านที่สามารถระบายความร้อนออกไปนอกอาคารได้ โดยอาจทำหน้าต่างเพิ่ม เพื่อระบายความร้อน หรือ ติดพัดลม เครื่องดูดครัว พัดลมระบายอากาศ เพื่อระบายความร้อนออกไป
4.บนหัวเตา หากมีขื่อ หรือคาน ผาดผ่าน จะทำให้ผู้หญิงในบ้านล้มป่วย เจ็บไข้ อยู่บ่อย ๆ
อธิบาย : ขื่อ หรือคาน ทีอยู่เหนือเตาจะเป็นจุดที่ต่ำที่สุดบนฝ้า และเป็นที่เก็บฝุ่นผง ละอองไขมัน
หากไม่ระวังจะเป็นที่สะสมของเชื้อโรค และเชื้อโรคเหล่านี้จะตกลงใส่อาหารได้ ทำให้ผู้ที่ได้รับเชื้อเกิดการไม่สบายขึ้นมาได้ และผู้ที่ใช้เวลาอยู่ในห้องครัวส่วนใหญ่จะเป้นผู้หญิง จึงมีโอกาสติดเชื้อโรคต่าง ๆได้มากกว่าและมีโอกาสไม่สบายมากกว่า
วิธีแก้ไข : หมั่นทำความห้องครัวเสมอ โดยเฉพาะผนัง และ ขื่อ คาน ไม่ให้มีฝุ่น ละออง คราบไขมัน เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุเชื้อโรค และคราบน้ำมันเองก็เป็นส่วนที่ติดไฟได้ง่าย จึงต้องทำความสะอาดเสมอ

5. เตาไฟไม่ควรอยู่กลางแจ้ง ด้านหลังเตาไฟควรมีผนังกั้น หากไม่เช่นนั้นเจ้าของบ้านจะมีโอกาสเสียทรัพย์จำนวนมาก หากมีผนังกั้นจะมีทรัพย์ และ สามารถเก็บเงินทองไว้ได้จำนวนมาก
อธิบาย : การจุดเตาในที่แจ้งและไม่มีที่กั้นนั้นอันตรายมากเพราะ สมัยก่อนเชื้อเพลิงที่ใช้คือ ถ่านไม้ หรือ ไม้ฟืน หากมีกระแสลมแรงพัดมาที่ที่จุดเตาอยู่ กระแสลมจะพัดเศษไม้ที่มีไฟติดลอยไปตามที่ต่าง ๆ หาก เศษไฟไปตกยังที่ที่เป็นเชื้อไฟได้ ก็จะก่อให้เกิดอัคคีภัยได้ ดังนั้นจึงควรมีที่กั้นด้านหลังเพื่อกันไม่ให้เศษไม้ที่ติดไฟลอยกระจายออกไปเป้นการป้องกันไฟไหม้ แต่ในปัจจุบันพบว่าการใช้เชื้อเพลิงเปลี่ยนเป็นการใช้ไฟฟ้า และแก๊ส ซึ่ง ไม่มีเศษวัสดุติดไฟลอยออกไป จึงปลอดภัยขึ้น แต่การที่มีผนังกั้นด้านหลังก็จะช่วยให้ลมที่พัดมาที่เตาไฟชะลอความเร็วลง และช่วยให้เปลวไฟคงที่มากขึ้น จะทำให้การใช้เชื้อเพลิงน้อยลง
วิธีแก้ไข : เตาไฟควรตั้งอยู่ในที่ระบายอากาศได้ดี และมีผนังด้านหลังกั้นไว้เพื่อชะลอความเร็วของลมลงให้เปลวไฟคงที่ เพื่อเป็นการประหยัดการใช้พลังงาน และ เป็นการป้องกันการกระจายความร้อนไปยังอีกห้อง

6.เตาไฟที่ตั้งติดอยู่กับท่อน้ำ ไม่ว่าจะเป็นด้านข้างหรือด้านหน้าจะส่งผลร้ายให้ผู้อยู่อาศัย มีเรื่องต้องขึ้นโรงขึ้นศาล
อธิบาย : ในการทำอาหารสมัยก่อน แหล่งน้ำที่ใช้จะเป็นแหล่งน้ำจากการขุด เช่น บ่อน้ำบาดาล ในบริเวณที่ทำอาหารจะมีเศษอาหารเหลือทิ้ง และ หากว่าเศษอาหารเหล่านั้นตกลงในบ่อน้ำจะทำให้น้ำในบ่อเน่าเสียได้ การทำอาหารจึงเป็นการตักน้ำจากบ่อมาใช้โดยให้แหล่งน้ำอยู่ไกลออกไปจากสถานที่ทำครัว แต่ในปัจจุบันพบว่าน้ำที่ใช้เป็นน้ำที่มาจากท่อประปาซึ่งไม่สามารถปนเปื้อนจากภายนอกได้ การมีน้ำใกล้เตาไฟจึงไม่เป็นปัญหาต่อไป แต่ในการออกแบบการวางท่อประปานั้นควรจะวางก็อกน้ำให้ห่างจากเตาพอควร เพราะในขณะที่ประกอบอาหารประเภททอดที่ใช้น้ำมันหากบังเอิญมีน้ำหล่นใส่ในน้ำมัน จะเกิดปฎิกิริยาน้ำมันกระเด็นใส่ผุ้ปรุงอาหาร
วิธีแก้ไข : สำหรับการวาง Sink น้ำ และ เตา นั้นไม่ควรวางติดกัน แต่ควรจะมีโต๊ะกั้นระหว่างอุปกรณ์ทั้งสองเพื่อความปลอดภัยของผู้ที่ปรุงอาหาร



ห้องน้ำ
1.ไม่ควรวางห้องน้ำไว้กลางบ้าน จะนำโชคร้ายมาให้ และคนที่อยู่ในบ้านจะป่วยไข้ ไม่สบาย
อธิบาย : ห้องน้ำเป็นห้องที่มีความชื้นสูง แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดีและมีเชื้อโรคสั่งสมอยู่มาก หากนำมาไว้กลางบ้าน เชื้อโรคก็จะแพร่ไปทุกทิศทุกทางทำให้ผู้อยู่อาศัย มีโอกาสป่วยไข้ได้ง่าย อีกทั้งขณะที่ใช้ห้องน้ำจะมีกลิ่นเหม็น ซึ่งรบกวนการอยู่อาศัย และ หากว่าออกจากห้องน้ำ การแต่งตัว ไม่เรียบร้อยก็จะเป็นภาพที่ไม่น่าดู ทำให้ผู้ที่ออกมาจากห้องน้ำเกิดความอับอายได้
วิธีแก้ : จัดวางห้องน้ำอยู่ด้านในของบ้าน โดยอยู่ในที่ลับตาคนสักนิด จะดี ประตูห้องน้ำไม่ควรหันออกมาทางด้านหน้าบ้าน ควรหันออกด้านข้าง เมื่อเวลาออกจากห้องน้ำจะได้ไม่เป็นที่สังเกตุมากนัก และในการวางห้องน้ำควรอยู่ในทิศตะวันตก เพราะเป็นทิศที่ได้รับแสงแดดยามบ่ายที่ร้อน แสงแดดจะช่วยฆ่าเชื้อโรค และ ช่วยไล่ความชื้น หรือจะวางอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งจะได้รับแดดยามบ่าย และกระแสลมที่พัดผ่าน ห้องน้ำควรจะมีการระบายอากาศที่ดี เพื่อให้กลิ่นที่เกิดจากหลังการใช้งานออกสู่นอกตัวอาคารไม่หมักหมมอยู่ภายในอาคาร

2. การวางสุขภัณฑ์ไม่ควรวางหันหน้าตรงกับประตูห้องน้ำ เพราะจะทำให้ผู้อยู่อาศัยเจ็บไข้ เป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจ
อธิบาย : การวางสุขภัณฑ์โดยเฉพาะโถชักโครกให้หันตรงกับประตูนั้น สามารถทำได้ในพื้นที่จำกัด และมักจะพบว่าเป็นการวางในสถานที่สาธารณะ เช่นในห้างสรรพสินค้า โรงละคร โรงภาพยนตร์ สำนักงาน แต่สำหรับ บ้าน และ ที่อยู่อาศัย ไม่ควรวางสุขภัณฑ์โดยเฉพาะชักโครกให้หันตรงกับประตู เพราะ หากบังเอิญระหว่างการใช้ห้องน้ำมีผู้อื่นเปิดประตูเข้ามา ก็จะเห็นภาพที่ไม่น่าดู ทำให้ระหว่างการใช้ห้องน้ำมีความกังวลใจในเรื่องว่าจะมีคนเปิดประตูเข้ามา ทำใหสุขภาพจิตไม่ค่อยดี
วิธีแก้ : สำหรับห้องน้ำที่อยู่ในบ้าน และ ที่อยู่อาศัย เลี่ยงการหันโถชักโครก ตรงกับประตู แต่หันด้านข้างให้ประตูจะเหมาะสมกว่า เพราะเมื่อใช้ห้องน้ำอยู่ และบังเอิญมีผู้อื่นเปิดประตูเข้ามาก็จะไม่เห็นภาพที่ไม่น่าดู

ห้องทำงาน
1.โต๊ะทำงานไม่ควรอยู่ตรงกับประตูทางเข้า ไม่เช่นนั้นเจ้าของห้องจะต้องเผชิญกับปัญหาตลอดเวลา และจะมีผลต่อสุขภาพเกี่ยวกับหัวใจ
อธิบาย : การที่วางโต๊ะทำงานตรงกับประตูนั้น เวลามีคนเข้ามาติดต่องาน ก็จะเข้าถึงตัวเจ้าของห้องได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเป็นเช่นนั้นเจ้าของห้องก็จะไม่สามารถเก็บเอกสารได้ทัน ซึ่งบางครั้งเป็นข้อมูลสำคัญก็อาจส่งผลให้เจ้าของห้องมีปัญหาในหารทำงานได้ และการที่มีแขกเข้ามาอย่างรวดเร็ว จะทำให้เจ้าของห้องตกใจ จนอาจทำให้ระบบหัวใจทำงานผิดปกติได้ อีกทั้งการที่โต๊ะทำงานตรงกับประตู หากประตูเป็นกระจกก็จะรู้สึกรำคาญ ไม่มีสมาธิในการทำงาน
วิธีแก้ : การวางโต๊ะทำงานควรวางเฉียงกับประตูทางเข้าห้อง ด้านใดด้านหนึ่งแต่ถ้าให้ถูกตามหลักฮวงจุ้ยจริง ๆ ประตูทางเข้าควรจะอยู่ตรงข้ามกับโต๊ะทำงาน โดยโต๊ะทำงานจะอยู่เฉียงด้านซ้ายจะดีที่สุด ผู้ที่ทำงานจะมีความถนัดในการทำงาน และสามารถเก็บเอกสารสำคัญได้ทันก่อนที่แขกจะเข้ามาถึงโต๊ะทำงาน การทำงานจะมีอำนาจ มีคนนับถือเชื่อฟัง และจะประสบความสำเร็จมีทรัพย์ ร่ำรวย แต่สำหรับบางแห่งโต๊ะทำงานไม่สามารถวางตรงกับทางเข้าห้องได้ กลายเป้นประตูทางเข้าอยู่ด้านข้างโต๊ะทำงาน แบบนี้ถือว่าไม่ดี ทำงานได้แต่ไม่สำเร็จ จะมีอุปสรรคมากมาย และไม่มีอำนาจในการปกครอง ไม่มีคนนับถือ
2.หากด้านหลังของโต๊ะทำงาน ไม่ควรเป็นหน้าต่าง ประตู หรือ เป็นกระจกทั้งบาน ไม่เช่นนั้นเจ้าของห้องจะถูกหักหลัง หรือโกงจนหมดตัว และ เป็นโรคประสาทตาจะเสื่อมเร็ว
อธิบาย : ในอดีตการลอบขโมยเอกสาร หรือลอบทำร้ายเจ้าของห้องนั้น คนร้ายมักจะแอบซุ่มอยู่ด้านหลัง และเมื่อเจ้าของห้องเผลอ ก็จะออกมาขโมยเอกสารสำคัญ หรือเข้าทำร้ายเจ้าของห้องจากด้านหลังทันที และจากลักษณะทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ การที่ด้านหลังเป็นที่โล่ง กระจก จะส่งผลให้จิตใจไม่สงบนิ่ง กังวลว่าจะชนกระจกตกลงมา
วิธีแก้ : ดังนั้นในห้องทำงานผนังด้านหลังของห้องทำงานจึงควรจะทึบ เพื่อป้องกันการถูกลอบขโมยเอกสาร และลอบทำร้าย หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ควรใช้ตู้เตี้ยเป็นตัวกั้นติดกระจก เพื่อทำให้รู้สึกปลอดภัยขึ้น


ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ
การให้ความรู้ที่ถูกต้อง เป็นบารมีที่มีค่ามาก
สมชัย เจริญวรเกียรติ

ทิศทางต่าง ๆในศาสตร์ ฮวงจุ้ย ที่นำมาใช้ในการกำหนดทิศทางของอาคาร

สมชัย เจริญวรเกียรติ กับ ฮวงจุ้ย ง่าย ๆ แก้ชีวิตให้ดีได้ 2
somchai48@gmail.com 30 มิถุนายน 2549

ทิศทางต่าง ๆในศาสตร์ ฮวงจุ้ย ที่นำมาใช้ในการกำหนดทิศทางของอาคาร

ศาสตร์ ฮวงจุ้ย ของจีน ได้กำหนด ทิศทาง ต่างๆ ไว้ ดังนี้
ทิศเหนือ เป็นทิศ เต่าดำ สะสม แทนความมั่นคง เจริญก้าวหน้า
ทิศตะวันออก เป็นทิศ มังกรเขียว เกิด แทนครอบครัวที่มีความสุข มีทรัพย์สิน
ทิศใต้ เป็นทิศ นกฟินิกส์สีแดง เติบโต แทนความมีชื่อเสียง เป็นที่นับถือ
ทิศตะวันตก เป็นทิศ เสือขาว เก็บเกี่ยว แทนการมีทายาท การขยายตัวของครอบครัว

แต่สำหรับคนไทยนั้น เชื่อว่า การมีบ้านที่หันออกทางทิศ เหนือ และทิศ ตะวันออก เป็นทิศที่เป็นมงคล ทำอะไรก็เจริญก้าวหน้า ซึ่งความจริงแล้ว อาคารหลาย หลังที่มีความเจริญก้าวหน้าก็มิได้หันหน้าไปทางทิศ เหนือ และทิศ ตะวันออก เช่น อาคาร CP ทาวเวอร์ อาคารสำนักงานใหญ่ธนาคารกรุงเทพ ถนนสีลมก็หันไปทางทิศตะวันตก

โดยปกติการกำหนดทิศทางของอาคารไม่ว่าจะเป็นบ้านที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน โรงแรม หรือ อาคารสาธารณะ ต่าง ๆนั้น แยกได้เป็น 2 ประเภท คือ
1.อาคารที่สามารถกำหนดลักษณะการตั้งวางของตัวอาคารได้ ส่วนใหญ่มักตั้งอยู่ในที่เปล่า หรือเป็นการทำโครงการ โดยมีการกำหนดตัวอาคารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องไว้อย่างมีความสัมพันธ์กัน
2.อาคารที่ไม่สามารถกำหนดทิศทางของอาคารได้ เนื่องจากเป็นส่วนย่อยของพื้นที่ หรือถูกกำหนดด้วยถนนหลัก หรือถนนย่อยภายในโครงการ

การกำหนดทิศทางของอาคารนั้น สิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากที่สุดคือ ทิศทางของลม และทิศทางของน้ำ

ทิศทางของลม เปรียบเหมือนการนำความเจริญรุ่งเรือง และ ทรัพย์สมบัติเข้ามาสู่อาคาร

ทิศทางของน้ำ เปรียบเหมือนการนำความร่มเย็น ความอุดมสมบรูณ์ ความมีสุขภาพดี เข้ามาสู่อาคาร

ดังนั้นการเลือกทิศทางของอาคารจึงขึ้นอยู่กับ เวลาเกิด วันเดือน ปีเกิดของ เจ้าของผู้ครอบครอง อาคารหลังนั้น ๆ โดยพิจารณาการหันหน้าของอาคารหรือทางเข้าหลักของอาคาร เป็นสำคัญ

ผู้ที่เกิด ธาตุน้ำ ทิศของอาคารที่ดี ทิศเหนือ ทิศที่ส่งเสริมให้ก้าวหน้า ทิศตะวันตก
ผู้ที่เกิด ธาตุไม้ ทิศของอาคารที่ดี ทิศตะวันออก ทิศที่ส่งเสริมให้ก้าวหน้า ทิศเหนือ
ผู้ที่เกิด ธาตุไฟ ทิศของอาคารที่ดี ทิศใต้ ทิศที่ส่งเสริมให้ก้าวหน้า ทิศตะวันออก
ผู้ที่เกิด ธาตุดิน ทิศของอาคารที่ดี ทิศเฉียงทั้ง 4 ทิศ ทิศที่ส่งเสริมให้ก้าวหน้า ทิศใต้
ผู้ที่เกิด ธาตุโลหะ ทิศของอาคารที่ดี ทิศตะวันตก ทิศที่ส่งเสริมให้ก้าวหน้า ทิศเฉียงทั้ง 4 ทิศ
แต่บางตรั้งไม่สามารถกำหนดทิศทางของหน้าบ้านให้หันออกไปยังทิศที่ต้องการได้ การปรับ ฮวงจุ้ย จึงเป็นศาสตร์ที่ถูกนำเข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้

ผู้ที่เกิดธาตุน้ำ ได้แก่ผู้ที่เกิดปี 2486 2495 2496 2505 2506 2515 2516 2525 2526
ผู้ที่เกิดธาตุไม้ ได้แก่ผู้ที่เกิดปี 2488 2497 2498 2507 2508 2517 2518 2527 2528
ผู้ที่เกิดธาตุไฟ ได้แก่ผู้ที่เกิดปี 2490 2499 2500 2509 2510 2519 2520 2529 2530
ผู้ที่เกิดธาตุดิน ได้แก่ผู้ที่เกิดปี 2492 2501 2502 2511 2512 2521 2522 2531 2532
ผู้ที่เกิดธาตุโลหะ ได้แก่ผู้ที่เกิดปี 2494 2503 2504 2513 2514 2523 2524 2533 2534

10 แนวคิดในการเลือกทำเล และการสร้างอาคาร ที่พัก ที่อยู่อาศัย

สมชัย เจริญวรเกียรติ กับ ฮวงจุ้ย ง่าย ๆ แก้ชีวิตให้ดีได้
somchai48@gmail.com 12 มิถุนายน 2549

10 แนวคิดในการเลือกทำเล และการสร้างอาคาร ที่พัก ที่อยู่อาศัย
1.การเลือกทำเลที่ข้างหน้าต่ำ ข้างหลังสูง จะเป็นทำเลที่ดีเป็นสิริมงคล ผู้ที่อยู่อาศัยจะเจริญสูงขึ้น ๆ ไป ในทางกลับกันหากที่ดินข้างหน้าสูงข้างหลังต่ำย่อมไม่เป็นมงคล ไม่สามารถมีทรัพย์ได้
เห็นด้วย : เหตุผลทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ และทางสังคมศาสตร์ พบว่าในกรณีที่เกิดน้ำท่วมหากน้ำค่อย ๆ ท่วมขึ้นมาจะสามารถขนของหนีออกทางด้านหลังได้ทัน และ มีเวลาเอาชีวิตรอดได้ ส่วน ฝุ่น ผงต่าง ๆ ที่อยู่ด้านหน้า เวลาปลิวก็จะลอยตัวอยู่แค่ต่ำ ๆ ไม่ขึ้นมาบนที่สูง ฝุ่น ผง ก็จะไม่เข้าบ้าน ทำให้ไม่เป็นภูมิแพ้ หรือโรคทางเดินหายใจ
สำหรับในปัจจุบันการมีบ้านอยู่ริมถนนควรให้พื้นของตัวบ้านสูงกว่าถนน เพื่อป้องกันเวลาฝนตก น้ำจากถนน ดิน โคลน จะได้ไม่ไหลเข้าบ้าน

2.การปลูกบ้านอยู่โดดๆ และ ปลูกให้สูงกว่าบ้านของผู้อื่น ไม่ดี จะทำให้เดือดร้อน คนที่อาศัยอยู่จะถูกทำร้าย มีเคราะห์
อาคารที่สูงจะเป็นส่วนที่ได้รับ แดด ลม ทั้งสี่ด้าน และมักจะเป็นส่วนที่ฟ้าจะผ่าลงมาก่อน ทำให้มีโอกาสเกิดอัคคีภัยได้ง่าย อีกทั้งการมีบ้านที่สูงจะทำให้เป็นเป้าสายตา คนสามารถลอบทำร้ายได้ง่าย ทำให้ผู้ที่อยู่อาศัย ขาดความสมดุลย์ กระทบกระเทือนต่อสุขภาพกายและสุขภาพใจ
ไม่ค่อยจะเห็นด้วย : เหตุผลทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ และทางสังคมศาสตร์ พบว่าปัจจุบันการพัฒนาการของเทคโนโลยี ได้ทำให้ปัญหาต่าง ๆ มีทางออก เช่น
- การกลัวฟ้าผ่า อาคารสูงทั่วไปปัจจุบันสามารถติดตั้งสายล่อฟ้า ป้องกันฟ้าผ่าได้
- การถูกความร้อนจากแดดทำให้อาคารร้อน ปัจจุบันพบว่าสามารถเลือกวัสดุที่กันความร้อนได้ เช่น
ฉนวนกันความร้อน ฟิลม์กันความร้อน ม่าน มูลี่กันความร้อน กระจกกันความร้อน
- การรู้สึกไม่เป็นส่วนตัว อาคารสูงปัจจุบัน สามารถหาวัสดุที่ปกป้องการมองเห็นจากภายนอกได้ดี เช่น
ม่าน มู่ลี่ หากต้องการความปลอดภัย ก็สามารถเลือก กระจกที่มีความทึบ ฟิลม์ที่มีความทึบ มีความแข็ง แรง
ดังนั้นหากต้องการสร้างบ้านที่มีความสูงก็สามารถทำได้ในปัจจุบัน เพียงแต่ต้องเลือกใช้วัสดุที่เหมาะสม กัน
ความร้อน และมีความแข็งแรง และดูทิศทางลม เพื่อกำหนดตำแหน่งของหน้าต่างให้สามารถรับลมที่เหมาะสมด้วย

3.ไม่ควรปลูกบ้าน หรือซ่อมแซมบ้านในขณะที่มีสมาชิกคนใด คนหนึ่งตั้งครรภ์ แม้นการซ่อมแซมเล็ก ๆ น้อย ๆ เพราะอาจทำให้แท้งได้
เห็นด้วย : เหตุผลทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ และทางสังคมศาสตร์ เพราะหากมีการก่อสร้าง หรือซ่อมแซมบ้าน จะมีกองเศษวัสดุ เครื่องมือ ที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุจากการลื่นล้ม แก่ผู้ตั้งครรภ์ทำให้มีโอกาสแท้งได้ หรือ การก่อสร้าง ซ่อมแซม จะมีเสียงดัง มีฝุ่น ผง ซึ่งมีผลต่อสุขภาพจิตของผู้ตั้งครรภ์ เกิดความเครียดจนอาจแท้งได้
ดังนั้นหากมีโอกาสซ่อมแซมบ้านได้ควรซ่อมแซมทันที และซ่อมแซมให้เร็วที่สุด เพื่อลดอุบัติเหตุที่เกิดจากกองวัสดุ หรือระหว่างการก่อสร้าง


4.พื้นที่ดินที่อ่อนนุ่มไม่แน่น เป็นทำเลที่ไม่ดี หากทำธุรกิจก็จะมีแต่อับเฉา ขาดทุน หากอยู่อาศัยก็จะไม่เจริญ
เห็นด้วย : เหตุผลทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ และทางสังคมศาสตร์ การที่พื้นดินที่ใช้สร้างอาคารมีความอ่อนตัวก็จะทำให้ พื้นของอาคารแตกร้าว และทรุดตัวได้ง่าย มีโอกาสที่อาคารจะล้มพังลงมา และ จะต้องเสียเงินจำนวนมากเพื่อซ่อมแซมอาคาร และผู้อยู่อาศัยอาจจะได้รับอุบัติเหตุ จากการทรุดตัวของอาคาร
แต่หากว่าทำเลนั้นเหมาะแก่การทำธุรกิจจริงๆ การออกแบบทางสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ก็สามารถทำได้ โดยใช้เข็มที่ยาว และเหมาะสม หรือ ใช้แผ่นพื้นที่วางอยู่บนคาน ไม่วางแผ่นพื้นบนดิน ต้องลงทุนด้านการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น และต้องมีการปรับปรุงบริเวณที่มีการทรุดตัวอย่างสม่ำเสมอเพื่อเป็นการรักษาภูมิทัศน์ที่สวยงามไว้

5.ไม่ควรสร้างบ้านคร่อมส่วนที่เป็นบ่อน้ำร้าง เพราะจะอุปทานว่ามีผีมาหลอกให้กลัว
เห็นด้วย : เหตุผลทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ และทางสังคมศาสตร์ เพราะบ่อน้ำร้าง หรือบ่อน้ำเดิมจะมีความชื้นค่อนข้างสูง ทำให้บริเวณนั้นเต็มไปด้วยเชื้อรา และจุลินทรีย์ อาคารก็จะมีคราบที่เกิดจากเชื้อราที่ผนัง ซึ่งบางครั้งการจินตนาการว่ามีความคล้ายภูติผีปีศาจก็มีโอกาสเป้นไปได้ และตัวอาคารก็จะผุผัง กร่อนตัวได้ง่าย
หากว่าจำเป็นต้องสร้างอาคาร ก็ควรจะถมบ่อน้ำร้างนั้นให้เต็ม พลิกหน้าดินบริเวณนั้นให้โดนแดดจัด ๆ เพื่อฆ่าเชื้อโรค ทำการบดอัดดินให้แน่น และการสร้างบ้านหรืออาคารควร

6.การที่ฐานด้านหน้าบ้านกว้าง ด้านหลังแคบ ผู้ที่เป้นเจ้าของบ้านจะเก็บทรัพย์สินเงินทองไว้ไม่อยู่ แต่หากว่าฐานด้านหน้าบ้านแคบ ด้านหลังกว้างจะร่ำรวยด้วยทรัพย์สินเงินทอง
เห็นด้วย 50 – 50 : เหตุผลทางสังคมศาสตร์ ในสมัยก่อนประเทศจีน การรุกราน ปล้นฆ่า ยังมีอยู่ทั่วไป ดังนั้น จึงต้องสร้างบ้านให้รั้วสูง และทึบ และมีทางเข้าออกเพียงแคบ ๆ เพื่อป้องกันโจร และศัตรูที่จะบุกรุกเข้ามา แต่ในปัจจุบันพบว่า การที่สังคมมีการพัฒนา จนมีกฎหมายที่จะเอาผิดพวกโจร ขโมย ทำให้การจี้ปล้นลดลง ดังนั้น
เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ ในสมัยก่อนการสร้างบ้านเรือนยังสร้างได้ไม่สูงนัก เมื่อเกิดกระแสลมพัดเข้ามาหากฐานด้านหน้ากว้างก็มีโอกาสถูกกระแสลมทำลายบ้าน อาคารได้ง่าย
บ้านที่มีด้านหน้าแคบ และด้านหลังกว้าง เป็นบ้านที่มีทรัพย์สินมาก ก็อาจจะไม่แน่เสมอไป
ร้านค้า สถานที่ทำธุรกิจ ควรจะมีด้านหน้ากว้าง เพื่อเป็นที่สังเกตุได้ง่าย และง่ายแก่การที่ลูกค้าจะเข้ามาใช้บริการ’
ปัจจุบันที่ดินจัดสรรเพื่อการสร้างบ้าน มักจะถูกแบ่งเป็นสีเหลี่ยมหน้าหลังกว้างเท่ากัน จึงไม่ค่อยมีผลต่อรูปแบบพื้นที่ดินมากนัก แต่สำหรับการทำธุรกิจ ต้องเลือกทำเลที่ดี และมีขนาดที่ดินที่ด้านหน้ากว้างเพื่อความสะดวกในการต้อนรับลูกค้า

7. หน้าบ้านไม่ควรมีกองหินก้อนใหญ่มาขวางไว้ จะส่งผลให้ผู้ที่อาศัยอยู่ เจ็บไข้ได้ป่วย หรือ ได้รับอุบัติเหตุ
เห็นด้วย : เหตุผลทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ และทางสังคมศาสตร์ การมีก้อนหินอยู่หน้าบ้านมีโอกาสเกิดอุบัติเหตุ เพราะ ปัจจุบัน การเดินทางส่วนใหญ่เดินทางด้วยรถยนต์ และหากว่ามีกองหินหน้าบ้านก็มีโอกสษที่รถยนต์จะไปชนกองหินได้ โดยเฉพาะเวลาที่มีแสงน้อย เช่น ตินเช้ามืด ตอนเย็น หรือกลางคืน อีกทั้งกองหินจะมีฝุ่นที่ตกค้าง หากอับชื้นก็เป็นที่อาศัยของเชื้อรา และเป็นที่อยู่ของสัตว์ที่เป็นอันตรายต่อมนุษย์ได้ เช่น งู แมงมุม ตะขาบ
หากทำได้ควรย้ายกองหินนั้นออกไป หากทำไม่ได้ ควรใส่สัญลักษณ์เตือนอันตรายให้เห็นชัด ๆ แต่ไกลหรือเพิ่มความสว่างให้กองหิน ในเวลากลางคืน เพื่อลดบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นได้

8.ถ้าสามารถมองเห็นเสาหลักของบ้าน จากภายนอกอย่างชัดเจน อาจจะมีลูกอกตัญญูเกิดขึ้นในครอบครัว สมควรจะปกปิดหรือหลีกเลี่ยง
เห็นด้วย : เหตุผลทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ และทางสังคมศาสตร์ เสาหลักในทางสถาปัตยกรรม ถือว่าเป็นจุดที่รับน้ำหนักของอาคาร หากถูกทำลายหรือทำให้เสียสมดุลย์ จะทำให้อาคารทั้งหลังพังทลายลงมาอย่างง่ายดาย จึงต้องปิดบัง หรือ ทำสิ่งปกคลุม ซึ่งในสมัยก่อนการทำลายอาคาร หรือพระราขวังวัง จะมุ่งทำลายที่เสาหลักโดยเน้นการการเผา หรือ ระเบิด เสาหลักเป็นสำคัญ
หากไม่สามารถปิดบังเสาหลักของอาคารได้ควรสร้างสิ่งที่ทำให้ไม่เห็นว่าเป็นเสาหลัก เช่นเป็นส่วนหนึ่งของผนัง หรือสร้างห้องเพื่อปิดบังเสาหลักไว้ หรือทำฉากกั้นก็ได้ แต่ต้องให้แข็งแรงพอควร

9.รั้วบ้านที่มีรอยแตกร้าว หรือชำรุด หรือมีต้นไม้พันจนรกรุงรังจะนำภัยร้ายมาให้ อาจต้องขึ้นโรงขึ้นศาล โดยเฉพาะทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ
เห็นด้วย : เหตุผลทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ และทางสังคมศาสตร์ แน่นอนว่ากำแพงที่แตกชำรุดหรือมีรอยร้าวย่อมมีโอกาสพังทลายลงมาได้ง่าย ๆ และเมื่อพังทลายลงมาก็มีโอกาสทำให้ผู้อยู่อาศัยได้รับบาดเจ็บ หรือถ้าเกิดตกลงไปนอกบริเวณทำให้ผู้อื่นได้รับอันตรายก็อาจจะต้องมีเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาลได้ และสำหรับทิศตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเป็นทิศที่มีกระแสลมพัดผ่าน ซึ่งง่ายต่อการเกิดอุบัติเหตุจากกระแสลมที่พัดแรง
การซ่อมแซมรั้วเป็นเรื่องที่จำเป็น และสำคัญเพราะเป็นเรื่องที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ที่อยู่อาศัยในบ้าน จากการถูกลักขโมย และยังเป็น การป้องกันภัยที่อาจเกิดภัยธรรมชาติ จาก ลมที่พัดแรงได้อีกด้วย

10.ถ้าหน้าบ้านมีโรงพยาบาล วัด สุสาน ตั้งอยู่คนที่อยู่ในบ้านไม่สงบสุข การทำธุรกิจจะไม่ดี ลูกหลานจะไม่สามารถรักษาธุรกิจต่อไปได้
เห็นด้วย 50 – 50 : เหตุผลทางวิทยศาสตร์ เมื่อสมัยก่อนการแพทย์ยังไม่ค่อยเจริญมากนัก อีกทั้งยังมีโรคระบาดเสมอ ๆ โรงพยาบาล วัด สุสาน จึงเป็นแหล่งที่มีสามารถติดเชื้อโรคได้ง่าย หากมีบ้านช่อง อยู่ใกล้โรงพยาบาล วัด สุสาน ก็มีโอกาสติดโรค และเสียชีวิตได้ง่ายด้วย
เหตุผลทางสังคมศาสตร์ สถานที่โรงพยาบาล วัด สุสาน จะเป็นที่ที่มีคนตายอยู่เสมอ และศพต่าง ๆ ที่ตายไม่ว่าจากโรคระบาด หรือสงคราม ก็จะถูกนำมาทิ้งรวมกันที่วัด เพื่อทำการฝัง หรือเผา อีกทั้งการเผาศพในอดีต มีการเผาอย่างโล่งโจ้ง และใช้ระยะเวลานาน การได้เห็นคนตาย การเผาศพก็จะทำให้รู้สึก ซึมเศร้า ส่งผลให้สภาพจิตใจไม่ดี และส่งผลให้สุขภาพกายไม่ดีไปด้วย
แต่ในปัจจุบันการแพทย์ ก้าวหน้าไปมากการระบาดของโรคจึงมีน้อยลง และการเผาศพในปัจจุบันก็มิดชิดขึ้น รวดเร็วขึ้น การมีที่หน้าบ้านตรงกับโรงพยาบาล วัด สุสาน จึงไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวอีกต่อไป แต่ถ้าทำได้ไม่ควรอยู่อาศัย แต่ใช้เป็นสถานที่ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโรงพยาบาล วัด สุสาน จะดีกว่า เพื่อหลีกเลี่ยงจากโรคต่าง ๆ ที่มีโอกาสเกิดขึ้นได้

ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ
การให้ความรู้เป็นบารมีที่มีค่ามาก
สมชัย เจริญวรเกียรติ

วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ร้านสะดวกซื้อ ทำกันอย่างไร

แนวคิดในการทำร้านสะดวกซื้อ
โดย สมชัย เจริญวรเกียรติ
Email : somchai48@gmail.com

ในการทำ ร้านโชว์ห่วยใหม่นั้น ก่อนอื่นในการจะทำร้าน
โชว์ห่วยใหม่ต้องทราบความสำคัญ 6 เรื่อง
1. ทำเลที่ตั้งของร้าน
2.รูปแบบร้าน ขนาดของร้าน เพื่อให้ดูเรียบร้อย ทันสมัย สะอาด สวยงาม
และสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อสินค้า
3.กลุ่มสินค้าที่จะขาย ที่มา ราคา การขนส่ง เครดิตเทอม
4.ระบบสนับสนุนการขายสินค้า การสั่งซื้อ สินค้าคงคลัง การทำการตลาด การเงิน บัญชี
5.บุคคลากรที่จะดำเนินธุรกิจ เจ้าของ ลูกน้อง พื้นฐานการศึกษา การอบรม
6.ที่มาของแห่งเงินลงทุน เพื่อการปรับปรุงร้าน และ ต้นทุนซื้อสินค้า

และต้องตั้งเป้าที่ชัดเจนในเรื่อง
1.ระยะเวลาเปิด - ปิดร้าน จะเปิด 06.00 - 20.00 น.หรือ เปิด 24 ชั่วโมง
2.เป้าหมายรายได้ที่จะขายได้ใน 1วัน , 1 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน
3.จำนวนลูกค้าที่จะเข้าร้านใน 1 วัน , 1 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน


จากสิ่งที่กล่าวเบื้องต้น หากจะนำมาใส่รายละเอียดเพื่อดำเนินการนั้น
สามารถใส่รายละเอียดคร่าว ๆ ได้ดังนี้
เรื่องที่ 1 ทำเลที่ตั้งของร้าน
พบว่าร้านโช่วห่วย ที่มีร้านอยู่แล้ว มักจะอยู่ในทำเลที่มีลูกค้าจึงไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่
แบ่งได้เป็น
1. ร้านโช่วห่วย ที่มีร้านอยู่แล้ว
2.ไม่มีร้านแต่ต้องการเปิดร้านใหม่
ผลการวิเคราะห์ : - ทำเลเดิมของร้านโชว์ห่วยเดิมอยู่ในทำเลที่ดีมากอยู่แล้ว มีกลุ่มลูกค้าเดิมที่คุ้นเคย และ
สามารถเป็นลูกค้าที่ยั่งยืนได้

เรื่องที่ 2 รูปแบบร้าน
แบ่งได้เป็น
1. ร้านที่อยู่ในอาคารพาณิชย์ 1 ห้อง, 2 ห้อง
2. ร้านที่อยู่ในบ้านพักอาศัย เช่นทาวน์เฮ้าส์ บ้านแฝด หรือ
บ้านเดี่ยวที่สร้างอาคารออกมา
3. การใช้พื้นที่ว่างเพื่อทำการค้าขาย
ผลการวิเคราะห์ :
- เลือกปรับปรุงร้านที่มีอยู่แล้วก่อนจะดีกว่าเพราะมีความพร้อมในเรื่องการบริหารจัดการมากกว่า
- เลือกทำร้านที่เป็นอาคารพาณิชย์ ขนาด 1 ห้อง ก่อน เพื่อเป็นการนำร่อง
และ เป็นร้านที่สามารถขยายผลไปในอาคารแบบอื่นได้ง่าย เพราะขนาดพื้นที่ขายอยู่ระหว่าง 32 - 48ตารางเมตร
หลังจากนั้นขยายเป็นมาตรฐาน 80 - 100 ตารางเมตร
- สร้างร้านให้มีเอกลักษณ์ และเน้นว่าเป็นร้านของคนท้องถิ่นเพื่อดึงความรักชาติของคน
ท้องถิ่นออกมาให้เห็นอย่างแท้จริง
- เน้นการลงทุนที่ไม่มากเกินไป

เรื่องที่ 3. กลุ่มสินค้าที่จะขาย ที่มา ราคา การขนส่ง เครดิตเทอม แบ่งได้เป็น
กลุ่มสินค้า ที่มา โดยทั่วไป สินค้าในร้านโชว์ห่วย แบ่งออกเป็น
1. Non Food เช่น ของใช้ สบู่ ผงซักฟอก กระดาษชำระ เป็นต้น
2. Process Food เช่น น้ำตาล น้ำปลา ซอส
3. Instant Food เช่น ปลากระป๋อง บะหมี่สำเร็จรูป
4. Beverage เช่น เครื่องดื่ม น้ำอัดลม
5. Service เช่น รับชำระค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ บัตรเติมเงิน
ผลการวิเคราะห์ : กลุ่มสินค้าหลักที่มี ได้แก่ Non Food Process Food,
Instant Food, Beverage และ Service เน้นสินค้าที่ขายดีจริง ๆ 1-200
อันดับแรก ๆ เพราะสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 80 %

แนวทางที่จะทำ ร้านโชว์ห่วยที่จะทำ ควรจะมีสินค้ากลุ่มที่แตกต่างได้แก่
1. เน้น สินค้าท้องถิ่น สินค้าของกลุ่มพื้นที่ สินค้าของชุมชน
2. บริการ ที่แตกต่างได้แก่ รับส่งไปรษณีย์ บริการห่อของขวัญ
3. เลือกสินค้าที่ผลิตจากโรงงานของคนไทย
เพื่อแสดงจุดยืนเรื่องการช่วยเหลือคนไทยด้วยกัน
4. เน้น สินค้าที่เป็นสินค้าในท้องถิ่น ที่เป็นสินค้าคุณภาพดี ราคาเหมาะสม
5. มีตู้ ATM ในทุก ๆ ร้านที่สามารถมีได้เพื่อเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับร้านโชว์ห่วย
6. ใช้ร้านโชว์ห่วย เป็นแหล่งกระจายสินค้า ระบบขายตรง เพื่อเพิ่มรายได้แก่ร้าน

ราคาสินค้า โดยทั่วไปราคาสินค้าจะอยู่ที่ข้างกล่อง
หรือฉลากสินค้าอยู่แล้ว ราคาขายส่วนใหญ่อยู่ที่ข้างกล่อง
ผลการวิเคราะห์ : ราคาสินค้าอยู่ที่การต่อรอง พูดคุย
หากซื้อปริมาณมากราคาย่อมถูก จึงต้องมีการรวมตัวของกลุ่มร้าน โชว์ห่วย
อาจจะใช้วิธี เช่น เขตต่าง ๆ โซนเดียวกัน รวมกันซื้อ
แนวทางที่จะทำ คือ
-หาร้านขายส่งที่สามารถขายส่งสินค้าให้กับร้านโชว์ห่วยเล็ก ๆ
ที่อยู่รายรอบ และสามารถส่งสินค้าให้กับร้านเล็ก ๆ ได้ ราคาไม่แพงกว่าราคาข้างกล่อง
แต่ร้านขายของชำยังคงมีกำไรอยู่ร้านโชว์ห่วยเมื่อขายสินค้าได้ ก็สามารถทำกำไรพออยู่ได้
- หา Supplier ที่มีสินค้าหลากหลาย และสามารถ ส่งสินค้าให้ร้านค้าโดยตรง

เรื่องที่ 4 : การทำการตลาด การเงิน บัญชี
การทำการตลาด เป็นเรื่องสำคัญมาก ๆ ใช้สื่อจาก TV หรือสื่อท้องถิ่น เพื่อกระจายข่าวได้อย่างทั่วถึง
ผลการวิเคราะห์ :
- เป็นโอกาสที่ดีที่จะรีบสร้าง ปรับปรุงร้านโชว์ห่วยก่อนที่จะสายเกินไป
- แนวโน้มการใช้จ่ายของประชาชน จะซื้อของจำนวนน้อยลง
ยอมซื้อแต่ในราคาสูงขึ้น หรือ เต็มราคา แต่จะเก็บเงินสดมากขึ้น ร้านสะดวกซื้อจะได้รับความนิยม


แนวทางที่จะทำ คือ
- ทำการตลาดเฉพาะร้าน ลดราคา ทำบัตรสมาชิก และที่สำคัญต้องจดจำลูกค้า และทักทายลูกค้าได้
- เชิญ คนมีชื่อเสียงที่อยู่ในย่านนั้น ไปร่วมงานวันเปิดร้านเพื่อสร้างการจดจำ
- ออกข่าวการเปิดร้านทาง TV หรือสื่อท้องถิ่น เพื่อสร้างความมั่นใจ และเป็นการส่งข่าวให้ลูกค้าทราบ

การเงินและการบัญชี สามารถใช้โปรแกรมสำเร็จรูปที่มีขายในท้องตลาด
และหากสามารถใช้ระบบ บาร์โค็ดได้ก็จะดีมาก
เพราะจะทำให้ระบบการจัดการสินค้าภายในร้าน และสต็อก
มีความถูกต้องแม่นยำขึ้น แต่
ต้องระวังในกลุ่มสินค้าที่ผลิตขึ้นเองจะไม่มีบาร์ค็ด
แต่ก็สามารถที่จะสร้างบาร์ค็ดขึ้นมาเองได้ หากได้มีการศึกษาอย่างถูกต้อง
ซึ่งอาจจะต้องมีการผลิตขึ้นเอง หรือ ให้ผู้ผลิตเป็นผู้ผลิตและติดมากับสินค้าเลย
ผลการวิเคราะห์ : - โดยทั่วไปทางร้านจะต้องมีการบันทึกรายได้
รายจ่ายประจำอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ร้านไม่สามารถบันทึกได้คือ จำนวนสินค้าคงคลังที่เหลือ
ทำให้บางครั้งมีสินค้าเหลือจำนวนมาก และอาจพบว่ามีสินค้าหมดอายุจำนวนมาก
หรือเมื่อลูกค้าต้องการสินค้าแต่ทางร้านไม่มีสินค้าให้ลูกค้าจึงเสียโอกาสการขายไป
แนวทางที่จะทำ คือ :
- ลดปริมาณสินค้าคงคลังให้น้อยลง
เพื่อไม่ให้เงินจมอยู่กับตัวสินค้า ซึ่งระบบบาร์โค๊ดช่วยได้
- จัดส่งสินค้าให้กับร้านอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้มีสินค้าใหม่ ๆ
อยู่ตลอดเวลา และเงินไม่จมอยู่ที่สินค้าคงคลัง
- หากทำได้ควรจะมีการตรวจเช็คสินค้า เดือนละ 1 ครั้ง
และนำสินค้าที่ใกล้หมดอายุมาขายก่อน อีกทั้งหากมีสินค้าที่หมดความนิยม
แต่คุณภาพยังดีอยู่ ก็ควรจะนำมาขายเพื่อนำเงิน
กลับเข้ามาในระบบ

เรื่องที่ 5 บุคลากร และ การอบรม
บุคลากร ยังคงใช้ บุคลากรเดิมที่มีอยู่ในร้าน ซึ่งค่อนข้างมีความรู้น้อย
และมีอายุที่แตกต่างกันมาก ตั้งแต่เด็กสาว จนถึงคนสูงอายุ
ผลการวิเคราะห์ : การอบรมสำหรับร้านโชว์ห่วย
นั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากลำบากเพราะ ระดับการศึกษา ของผู้ที่
เกี่ยวข้องค่อนข้างต่ำ เข้าใจอะไรค่อนข้างยาก
อีกทั้งอายุของผู้เกี่ยวข้องหากไปพบผู้สูงอายุ การ
รับรู้ ความรู้ใหม่ ๆ จะทำได้ยาก
แนวทางที่จะทำ คือ :
การอบรม หากมีโปรแกรมที่สามารถทำงานได้ง่าย
การอบรมก็มีความจำเป็นน้อยลง แต่ ก็ต้องมีการอบรมเป็นระยะ ๆ
กรณีที่มีกลุ่มสินค้าของผู้ผลิตที่ต้องมาให้รายละเอียดสินค้าแก่
ร้าน ซึ่งต้องมีการอบรมอยู่แล้วก็น่าจะสามารถอบรมด้านอื่น ๆ
ให้กับร้านโชว์ห่วยได้ด้วย


เรื่องที่ 6. ที่มาของแหล่งเงินทุน
พบว่าส่วนใหญ่ร้านค้าจะมีเงินหมุนอยู่แล้ว และเจ้าของร้านโชว์ห่วยที่
พร้อมจะปรับปรุง ส่วนใหญ่เป็นเจ้าของพื้นที่ หรือเจ้าของอาคาร
ซึ่งสามารถนำไปเป็นหลักประกันเงินกู้จากธนาคาร หรือสถาบันการเงินได้
ผลการวิเคราะห์ : เจ้าของร้านโชว์ห่วย ส่วนใหญ่
มีเงินหมุนอยู่บางส่วนแล้ว หากต้องการใช้เงินเพิ่มเพื่อการปรับ ปรุงร้าน
ซื้ออุปกรณ์ และซื้อสินค้า อาจจะต้องจัดหาแหล่งเงิน เช่น ธนาคารของรัฐ
แนวทางที่จะทำ คือ :
- พยายามใช้เงินเพื่อการปรับปรุงร้านให้น้อยที่สุด
เพื่อลดภาระแก่เจ้าของร้านโชว์ห่วย
- หาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ให้แก่ร้านโชว์ห่วย ภาครัฐต้องเข้ามาช่วย


สรุป หากจะทำร้าน โชว์ห่วยให้ประสบความสำเร็จ ต้อง
1.อยู่ในทำเลที่ดี มีลูกค้ามากพอสมควร หรือทำเลใหม่ ๆ ที่วิเคราะห์แล้วมีการเติบโตสูง
2.ปรับปรุงร้านให้ดูทันสมัยขึ้น สะอาด เรียบร้อย สินค้าวางบน Shelf
3.มีป้าย และ LOGO ที่สื่อสารให้ผู้บริโภครับรู้ว่าเป็นร้านโชว์ห่วยรูปแบบใหม่
4.มีสินค้าที่ลูกค้าต้องการตลอดเวลา และราคาไม่แพงกว่าราคาข้างกล่อง
5.ร้านโชว์ห่วยที่เป็นส่วนหนึ่งของชุมชน
6.ได้รับความช่วยเหลือทางด้านการตลาดจากภาครัฐ และ Supplier อย่างต่อเนื่อง
7.ควบคุม และ บริหารค่าใช้จ่าย และรายได้อย่างรู้จริงทุกบาททุกสตางค์
และมีการเก็บเงินสำรองไว้ใช้ยามจำเป็น

สรุปโดย
นายสมชัย เจริญวรเกียรติ
0814363483
Email:somchai48@gmail.com
ติดต่อมา หากคิดว่ามีประโยชน์ และผมสามารถช่วยได้

สมชัย เจริญวรเกียรติ: ภาระกิจที่รัฐบาล และกรุงเทพต้องทำในภาวะน้ำท่วม

ผลดีที่เกิดจากน้ำท่วม
โดย นายสมชัย เจริญวรเกียรติ Email:somchai48@gmail.com
แม้ว่าผลจากน้ำท่วมจะก่อให้เกิดปัญหามากมาย แต่หากมองให้กว้าง ๆ ก็พอจะหาประโยชน์ จากวิกฤต นี้หลังจากน้ำท่วมย่อมเกิดความเสียหาย สูญเสีย แต่หากว่านำมาใช้ประโยชน์ ก็สามารถ
ได้ดังนี้
1.กระทรวงมหาดไทย
ประโยชน์ที่จะได้รับ
1.ได้ทำสำมะโนประชากรใหม่ ในจังหวัดที่มีความเสียหาย และคนต่างด้าวที่ลักลอบแอบเข้ามาอยู่อาศัย ก็จะน้อยลงเพราะต้องกลับออกไป จึงควรจะได้ให้ข้อมูลแก่ผู้ประกอบการในเรื่องการรับแรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานว่ามีระเบียบวิธีปฎิบัติอย่างไร และที่ถูกต้องควรเป็นอย่างไร
2.ในการปกครองส่วนท้องถิ่น ควรจะได้ให้ทุกชุมชน ได้คัดเลือกตัวแทนที่สามารถช่วยเหลือชุมชนได้จริง ๆ เพราะระหว่างที่ได้รับความเดือดร้อนในแต่ละชุมชน จะมีผู้ที่ช่วยเหลือชุมชนอย่างจริงใจ ทุกคนเห็น และควรจะเร่งดำเนินการหลังน้ำลดให้เร็วที่สุด เพราะหากชุมชนมีผู้นำที่เข้มแข็งก็จะสามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นได้ในอนาคต และเป็นผู้เชื่อมระหว่างรัฐกับประชาชน และตัดตอนผู้มีอิทธิพล
และหากว่าชุมชนใดยังไม่ได้จัดตั้งเป็นกลุ่ม ยังไม่มีตัวแทนก็เป็นโอกาสอันดีในการที่จะจัดตั้งกลุ่ม จัดตั้งชุมชนขึ้นมาเพื่อมาเป็นตัวเชื่อมระหว่างภาครัฐกับประชาชน
3.บ้านพัก อาคาร ที่ผิดกฏหมาย หรือสิ่งปลูกสร้าง ที่ระเกะ ระกะ สามารถสั่งรื้อถอนได้ทันที และไม่อนุญาตให้มีการสร้างใหม่ ซึ่งจะต้องมีการตรวจสอบ สม่ำเสมอ เพื่อให้สภาพแวดล้อมของชุมชน ที่เกิดใหม่อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ดี ม่มีอาคาร หรือสิ่งก่อสร้างที่ผิดกฏหมาย โดยชุมชนเป็นผู้ดูแลร่วมกับรัฐ

4.ระบบคู คลอง ต่าง ๆ หลังน้ำลด ให้รื้อ ทำลาย สิ่งกีดขวางทั้งหมดออก เพื่อเป็นการจัดระบบการระบายน้ำใหม่ให้ชุมชน และให้ความรู้ ความเข้าใจเรื่องการรักษาระบบระบายน้ำ คู คลอง ให้ความสำคัญกับการไม่ทิ้งขยะลงแหล่งน้ำ ทำให้ทางน้ำอุดตัน
5.สามารถตรวจคุณภาพของงานรับเหมาก่อสร้าง ว่าผู้รับเหมารายใด มีคุณภาพงานที่ดี และจะได้เลือกใช้ในโอกาสต่อไป และผู้รับเหมารายใด สร้างงานได้ไม่ดี ก็ควรเก็บเป็น Black List
6.จัดระบบใหม่เรื่อง การใช้พื้นที่สาธารณะ เช่น
ุ6.1.ตลาด จัดให้ได้มาตรฐานใหม่ สะอาด ถูกสุขลักษณะ มีที่ทิ้งขยะเป็นสัดส่วน แน่นอน
ทำความสะอาดท่อระบายน้ำ ปรับปรุงตลาดให้น่าซื้อ น่าขาย จัดการเลือกชนิด และจำนวนร้านค้าให้เหมาะสม และทำให้ตลาดใหมาที่เกิดขึ้นมีมาตรฐาน
6.2. สถานที่ทิ้งขยะ เลือกสถานที่ทิ้งขยะใหม่ที่เหมาะสม ปรับพื้นที่ ปรับระบบ ปรับวิธีการจัดเก็บ
ให้การสนับสนุน โรงงาน ร้าน ที่รับซื้อของไปรีไซเคิล
6.3ปรับปรุงสวนสาธารณะ ให้เป็นสถานที่ที่ทุกคนสามารถมาใช้ประโยชน์ร่วมกันได้
ไม่มีร้านค้าที่รกรุงรัง หรือร้านค้าที่มาสร้างอิทธิพล สร้างร้านค้าของชุมชนให้ทุกคนมีส่วนร่วม และสร้างรายได้ให้ชุมชน
สนามเด็กเล่น ตรวจสอบอุปกรณ์ต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัยสำหรับเด็กเวลามาเล่น ลดการเกิดอุบัติเหตุในเด็กเล็ก
และหากมีพื้นที่เหลือก็สามารถสร้างสวนสาธารณะ และ สนามเด็กเล่นเพิ่มได้ ทันที่ตามความเหมาะสม และให้ชุมชนเป็นผู้ดูแล และมีสวนร่วมในความเป็นเจ้าของ
6.4.ปรับปรุงบาตรวิถี ทางเท้า ฝาครอบท่อระบาย ให้ถนนหนทางต่าง ๆ มีความปลอดภัย สวยงามบริเวณใดห้ามขายสินค้า ก็เร่งดำเนินการทำป้าย ทำที่กั้น ให้ไม่สามารถเข้ามาขายสินค้าได้ บริเวรใดสามารถจัดให้ทำมาค้าขายได้ ก็เร่งดำเนินการขึ้นมา โดยต้องกำหนดมาตรฐาน อย่างเข้มงวด
6.5.ปรับปรุงเขื่อน สะพาน พื้นถนน ให้สามารถทำงานได้ดี และสามารถสร้างงานให้เกิดแก่ชุมชน อีกทั้งใช้บทเรียนอันนี้ กระตุ้นเตือนให้ประชาชน ชุมชน มีส่วนร่วมในการดูแลทรัพย์สินของทางราชการ
7.ปรับปรุง โครงสร้างงานราชการ ของแต่ละกลุ่มงาน ใครขยันทำงานก็ปรับเลื่อน ตำแหน่งปรับเงินเดือน ใครทำงานอย่างขอไปที่ก็ย้าย หรือให้ดูแลในส่วนที่ไม่สำคัญแทน
ขอให้ภาครัฐ กระทรวงมหาดไทย ใช้โอกาสนี้ให้เป็นประโยชน์ เพื่อความเป็นสุขของประชาชน
ขอบคุณมากครับ
สมชัย เจริญวรเกียรติ
17 ตุลาคม 2554






ผลดีที่เกิดจากน้ำท่วม
โดย นายสมชัย เจริญวรเกียรติ Email:somchai48@gmail.com
แม้ว่าผลจากน้ำท่วมจะก่อให้เกิดปัญหามากมาย แต่หากมองให้กว้าง ๆ ก็พอจะหาประโยชน์ จากวิกฤต นี้หลังจากน้ำท่วมย่อมเกิดความเสียหาย สูญเสีย แต่หากว่านำมาใช้ประโยชน์ ก็สามารถ
ได้ดังนี้
2.กระทรวงเกษตร และสหกรณ์
ประโยชน์ที่จะได้รับ
1.สามารถทำแผนที่ แผนภูมิ เรื่องการใช้ประโยชน์ของที่ดิน ของเกษตรกร การกำหนดพื้นที่ในการเพาะปลูก เพื่อให้เหมาะสม และเป็นแนวทางในการกำหนดพืชผลทางการเกษตร ว่าควรจะดำเนินการปลูกอะไร ในพื้นที่ใด เวลาใด และทำงานร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ ในการหาตลาดมารองรับ งานนี้ทำได้เกษตรกรก็จะสามารถลืมตา อ้าปากได้ และแนวโน้มความต้องการอาหาร และสินค้าเกษตรของโลกมีแนวสูงขึ้นเรื่อย ๆ สินค้าเกษตร จะมีราคาสูงขึ้น รายได้ของเกษตรก็จะเพิ่มขึ้นด้วย
2.กรมป่าไม้สามารถใช้ โอกาสนี้ชี้แจงให้ชาวบ้านทราบถึงผลกระทบที่เกิดจากการตัดไม้ทำลายป่า สร้างจิตสำนึกที่ดี ให้ชุมชนมาช่วยกันสร้างพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้น มีส่วนร่วมในการดูแลผืนป่าของตนเอง และเป็นโอกาสที่จะเพิ่มบทลงโทษพวกตัดไม้ทำลายป่า ลงโทษให้หนัก และมีการประจานให้ทุกคนทราบ ให้ได้อายทั้งครอบครัว จะทำให้ป่าไม้ได้รับการดูแลและช่วยป้องกันน้ำท่วมที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อีกด้วย และกำหนดเขตอนุรักษ์ต่าง ๆ อย่างเป็นรูปธรรม สำหรับพื้นป่าที่ใดที่มีการรุกล้ำเข้ามาก็ใช้โอกาสนี้ผลักดัน ให้ออกจากพื้นที่ป่าไป และปิดทางขึ้น ทางเข้าป่า อย่างถาวร ให้ผืนป่าเจริญเติบโต และรักษาสภาพที่เป็นธรรมชาติตามความเหมาะสมกับลักษณะภูมิประเทศ
3.ดินที่เกิดภายหลังน้ำลดจะเป็นดินที่สารพิษถูกชะล้างไป ทำให้เป็นดินที่มี คุณภาพสูง มีสารอาหาร และจุลินทรีย์ทีพืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้เต็มที่ จึงเป็นโอกาสที่เกษตรจังหวัดจะสามารถแนะนำการปลูกพืชให้เกษตรกรให้เลิกการใช้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์ ยาฆ่าแมลง และหันกลับมาใช้ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยชีวภาพ ให้ชุมชนตั้งเป็นชมรมพืชปลอดสารพิษ ซึ่งจะส่งผลให้ผลผลิตที่ได้ปลอดภัยต่อผู้บริโภค และมีราคาขายที่สูงขึ้น ควรจะรีบทำและแนะนำพืชที่ลูกได้ง่าย ผลผลิตให้เร็ว เพื่อให้เกษตรกรมีรายได้ในเวลาอันสั้น
4.สร้างงานให้เกษตรกรบางส่วนในการสร้างต้นกล้า และจัดหา และจำหน่ายต้นกล้าให้กับเกษตรกรในราคาถูก เพื่อให้ต้นทุน ของเกษตรกรต่ำลง ได้ต้นหล้าที่มีคุณภาพและให้ผลผลิตสูง
5.ปรับปรุงระบบคลองส่งน้ำ คลองชลประทานใหม่ ให้เข้าไปในพื้นที่ที่เกษตรกรมีความจำเป็น และสามารถใช้ประโยชน์จากชลประทานได้เต็มที่ ให้ชุมชนมีส่วนร่วมในการดูแลแหล่งน้ำของตนเอง
6.หลังจากน้ำลด จะพบว่าบริเวณใดเป็นที่ราบต่ำ ให้พัฒนามาเป็นแหล่งเก็บน้ำของชุมชน เมื่อเวลาเกิดน้ำหลาก หรือมีฝนตกหนัก น้ำก็จะไหลมารวมกันที่แอ่ง ทำทางน้ำไหลลงแอ่งน้ำ เพื่อให้น้ำไหลได้คล่องตัว และรวดเร็ว และไม่มีสิ่งกีดขวางทางน้ำ รวมถึงชี้แจงให้ทุกคนทราบว่าหากจะทำที่พักอาศัยใกล้บริเวณแหล่งเก็บน้ำ ต้องระวังเรื่องน้ำที่มีโอกาสขึ้นสูง และ เกิดภาวะน้ำท่วมได้ และแนะนำให้ปลูกบ้านที่มีใต้ถุนสูงเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะน้ำท่วม
7.จัดให้ชุมชนมีการทำเขื่อน ทำฝาย กั้นลำน้ำ เพื่อใช้ประโยชน์จากน้ำให้เต็มที่ และ และระหว่างฝายแต่ละที่ให้นำพันธ์ปลามาปล่อยเพื่อสร้างระบบนิเวศน์วิทยาใหม่ และเป็นแหล่งอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ของชุมชน โดยให้ทุกคนในชุมชนมีส่วนรับผิดชอบ รูสึกเป็นเจ้าของ และหากชุมชนใดทำได้ดี ก็พัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยว แบบอนุรักษ์ โดยกระทรวงเกษตรนำสัตว์ป่าที่เหมาะสมกับท้องถิ่นมาปล่อย และหากเกิดน้ำหลาก ฝายจะเป็นตัวชะลอน้ำ ทำให้น้ำเข้าถึงชุมชนช้าลง เกษตรกรก็จะสามารถมีเวลาหนีอันตรายจากน้ำท่วมฉับพลันได้
8.สามารถจัดสัมมโนประชากร ที่เป็นเกษตรกรได้ เพื่อให้เกษตรอำเภอสามารถเข้าไปให้คำแนะนำ เข้าไปช่วยเหลือ ให้ความรู้แก่เกษตรกรที่ประสบปัญหา และหากเกิดปัญหาก็สามารถช่วยเหลือได้ทันที ไม่ต้องรอให้มาแจ้ง เพราะเป็นข้อมูลที่สามารถตรวจสอบได้ทันที เช่น เงินช่วยเหลือหลังน้ำท่วม
หวังว่าจะเป็นประโยชน์
ขอบคุณครับ
สมชัย เจริญวรเกียรติ
18 ตุลาคม 2554
















ผลดีที่เกิดจากน้ำท่วม
โดย นายสมชัย เจริญวรเกียรติ Email:somchai48@gmail.com
แม้ว่าผลจากน้ำท่วมจะก่อให้เกิดปัญหามากมาย แต่หากมองให้กว้าง ๆ ก็พอจะหาประโยชน์ จากวิกฤต นี้หลังจากน้ำท่วมย่อมเกิดความเสียหาย สูญเสีย แต่หากว่านำมาใช้ประโยชน์ ก็สามารถ
ได้ดังนี้