วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ปัญหาของบ้าน และ อาคาร ตามหลักฮวงจุ้ยแนวทางการแก้ปัญหาด้วยความรู้ทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ และทางสังคมศาสตร์

สมชัย เจริญวรเกียรติ กับ ฮวงจุ้ย ง่าย ๆ แก้ชีวิตให้ดีได้ 3 somchai48@gmail.com 18 เมษายน 2554

ปัญหาของบ้าน และ อาคาร ตามหลักฮวงจุ้ยแนวทางการแก้ปัญหาด้วยความรู้ทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ และทางสังคมศาสตร์

ห้องนอน
1.ไม่ควรวางเตียงนอนไว้ใต้ขื่อ หรือ คาน จะทำให้ผู้ที่นอนอยู่มีแต่ความโชคร้าย
อธิบาย : 1.ในสมัยก่อนบ้านต่าง ๆ มักจะมีความสูงไม่มาก หากตื่นนอนในเวลาการคืนอย่ารีบร้อน ศีรษะอาจกระแทรก ขื่อ หรือ คานได้รับอันตรายได้
2. ขื่อ หรือ คานจะเป็นที่เก็บฝุ่น ละออง เมื่อมีจำนวนมากก็จะล่วงหล่นลงสู่เตียงนอน ผลคือทำให้ผู้ที่นอนอยู่ด้านล่างมีโอกาสเป็นภูมิแพ้จากฝุ่นได้ง่าย
3. การลอบทำร้ายของผู้ร้ายสมัยก่อนจะหลบซ่อนตัวอยู่บนคาน การที่คานอยู่เหนือเตียงนอน เมื่อนอนหลับ ก็อาจถูกคนร้ายที่แอบซ่อนบนคานทำร้ายได้
วิธีแก้ : หากห้องนอนมีความสูงเพียงพอ ควรจะทำฝ้าเพื่อปกปิดไม่ให้เห็น ขื่อ คาน กรณีไม่สามารถทำฝ้าได้ก็ให้ย้ายเตียงไม่ให้อยู่ใต้ขื่อ คาน

2.การวางเตียงตรงกับประตูทางเข้าห้องนอน จะทำให้เจ็บป่วย ฝันร้าย เหมือนถูกผีอำ และสูญเสียเงินทอง การทำธุรกิจมีแต่ขาดทุน
อธิบาย : 1.ในสมัยก่อน ประตู ต่าง ๆ มักไม่ค่อยแข็งแรง แน่นหนา การบุกรุกเข้ามาทำร้ายถึงห้องนอนทำได้ง่าย ๆ จึงควรตั้งเตียงนอนให้ห่างไม่ตรงกับประตูเพื่อเพิ่มระยะห่าระหว่างประตูกับเตียง และเพิ่มระยะเวลาให้รู้สึกตัวก่อนที่จะถูกลอบทำร้าย
2.ประตู จะมีส่วนประกอบต่าง ๆ เช่น บานพับ กลอน กุญแจ หากได้รับการสัมผัส หรือกระทบกระแทก ก็จะมีเสียงดัง เป้นที่รบกวน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลากลางคืน หากเกิดเสียงดังที่ประตู ก็จะคล้ายกับมีผีมาหลอกหลอน
3.กรณีเกิดภัยธรรมชาติ หากเตียงตั้งอยู่ตรงกับประตูจะมีโอกาสได้รับอันตรายจาก ลมพายุ น้ำท่วม ที่พรุ่งตรงเข้ามา และเมื่อเปิดประตูฝุ่นผงที่อยู่นอกห้องจะถูกพัดเข้ามา และสะสมอยู่ที่เตียงนอน ทำให้เป็นโรคที่เกี่ยวกับทางเดินหายใจได้ง่าย และเมื่อสุขภาพไม่ดี การทำงานก็จะมีประสิทธิภาพลดลง
วิธีแก้ : เตียงนอนควรจะเลี่ยงไม่ตรงกับประตู แต่ถ้าหากเลี่ยงไม่ได้ ก็ควรหาฉากมากั้น ซึ่งฉากกั้นที่นำมากั้นควรจะมีความยาวมากกว่าเตียงสักเล็กน้อย และมีความทึบไม่โปร่งแสง ความสูง ประมาณ 1.5 เมตร และประตูทางเข้าห้องนอนควรจะดูแลให้แน่นหนา และไม่ควรให้มีเสียงอี๊ดอาด เพราะจะรบกวนการหลับนอนได้


3.ความสูงของเตียง ไม่ควรจะสูงหรือต่ำเกินไป ไม่เช่นนั้นผู้อยู่อาศัยจะไม่มีโชค และเด็กๆ ที่อยู่ในบ้านจะเจ็บไข้ได้ป่วย
อธิบาย : ชาวจีนนิยมนอนบนเตียง เนื่องจากมีความคิดว่า คนรวยเท่านั้นที่จะมีเตียงนอนได้ และใช้ใต้เตียงเก็บของมีค่าไว้ ต่างกับชาวญี่ปุ่น และชาวเกาหลี ที่ต้องนอนบนพื้น เนื่องจากต้องเผชิญกับแผ่นดินไหว ซึ่งการนอนบนพื้นจะปลอดภัยกว่า
การที่ต้องนอนสูงกว่าพื้นนั้น เป็นเรื่องที่ดี เพราะที่พื้นจะมีความชื้น เป็นที่อยู่ของเชื้อโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะเชื้อโรคที่เกี่ยวกับทางเดินอาหาร การนอนที่สูงจะเป็นการเลี่ยงเชื้อโรคที่อยู่บนพื้น ได้เป็นอย่างดี
วิธีแก้ : เตียงนอนควรมีความสูงจากพื้นที่พอเหมาะ ไม่เตี้ยเกินไป และสูงเกินไป หากสูงเกินไป เมื่อตื่นขึ้นมา และไม่ระมัดระวังอาจจะพลัดตกลงมาก็ทำให้บาดเจ็บได้ หากเตี้ยเกินไปก็จะสัมผัสกับเชื้อโรคบนพื้นได้และมีโอกาสเจ็บป่วย ได้ง่าย ๆ
ใต้เตียงไม่ควรใช้เป็นที่เก็บของ เพราะใต้เตียงจะเป็นที่เก็บฝุ่น ซึ่งจะทำให้เป็นโรคภิแพ้ได้ง่ายและใต้เตียงยังเป็นที่อยู่ของหนู แมลงที่อาจเป็นอันตรายต่อมนุษย์ได้ หากต้องการเก็บของใต้เตียงก็สามารถทำได้ เพียงแต่ต้องเก็บอย่างมีระเบียบ และต้องทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ

4.เตียงนอนไม่ควรจะมีกระจกเงาอยู่ใกล้ จะทำให้ไม่เป็นสิริมงคลแก่เจ้าของห้อง
อธิบาย : การที่เตียงนอนไม่ควรมีกระจกอยู่ใกล้ เนื่องจากขณะที่นอนและบังเอิญตื่นขึ้นมาในกลางดึกอาจจะต้องตกใจได้ง่าย ๆเมื่อพบภาพตัวเองในกระจกเงา สภาพที่ไม่ได้เตรียมตัว และอาจมีปัญหากับผู้ที่เป็นโรคหัวใจ และเมื่อนอนอย่างไม่เป็นสุข สุขภาพก็จะไม่ดี และส่งผลให้การทำงานไม่ดีไปด้วย
วิธีแก้ : หากทำได้ควรย้ายกระจกเงาออกจากพื้นที่ของเตียง แต่ถ้าทำไม่ได้และจำเป็นต้องมีกระจกเงาอยู่ใกล้ ๆ เตียงนอน เช่นโต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า เพราะพื้นที่จำกัด ก็ควรจะหาผ้า หรือกระดาษ มาปิดกระจกเงาก่อนนอน เพื่อป้องกันการตื่นขึ้นมาตอนดึก และเห็นตัวเองในกระจก


ห้องครัว
1.ไม่ควรสร้างห้องครัวติดห้องนอน จะทำให้นอนไม่หลับ เหมือนเอาความรุ่มร้อนมาอยู่ใกล้ๆ
อธิบาย : การเอาห้องครัวมาติดกับห้องนอน ไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง เพราะห้องนอนมีวัสดุที่ติดไฟง่าย ไม่ว่าจะเป็นที่นอน หมอน ผ้าห่ม และความร้อนจากการทำอาหารจะแผ่เข้ามาถึงห้องนอนได้ ทำให้ห้องนอนร้อน
ซึ่งเมื่อห้องนอนร้อนก็จะทำให้การหลับนอนไม่ดี สุขภาพก็ไม่ดี ส่งผลให้การทำงานไม่ดีไปด้วย
วิธีแก้ : ในการออกแบบควรวางห้องครัวให้ห่างจากนอน หากทำไม่ได้ในการทำผนังกั้นระหว่างห้องครัวกับห้องนอนควรจะใช้คอนกรีต หรือ อิฐมวลเบาที่สามารถป้องกันการถ่ายเทความร้อน ห้องครัวควรมีการถ่ายเทอากาศได้ดีเพื่อ และมีประตูปิดเพื่อป้องกันกลิ่น ฟุ้งกระจายเข้ามาในห้องอื่น ๆ

2.ห้องครัวไม่ควรสร้างติดกับห้องน้ำ จะทำให้ผู้อยู่อาศัย มีปัญหาทางด้านสุขภาพ และปัญหาด้านการเงิน จะถูกโกง หรือถูกใส่ร้าย
อธิบาย : หากพิจารณาถึงกิจกรรมที่เกิดขึ้นพบว่า ห้องครัวคือห้องสำหรับทำอาหาร ซึ่งต้องเน้นเรื่องความสะอาดเป็นอย่างมาก ส่วนห้องน้ำเป็นห้องที่มีความสกปรกมาก หากทั้งสองห้องมาอยู่ติดกันเชื้อโรคจากห้องน้ำอาจจะปนเปื้อนเข้ามากับอาหารได้ ทำให้เจ้าของบ้านเป็นโรคจากทางเดินอาหารได้ง่าย
เหตุผลอีกข้อ ห้องน้ำเป็นห้องที่มีความเย็น อุณหภูมิค่อนข้างต่ำ แต่ห้องครัว เป็นห้องที่มีความร้อน เมื่ออุณหภูมิของทั้งสองห้องต่างกัน ผนังที่กั้นระหว่างห้องทั้งสองห้องจะมีการยืดตัวหดตัวต่างกัน ส่งผลให้มีโอกาสแตกร้าว ผุพังได้ง่าย
วิธีแก้ : จัดวางห้องครัวให้ห่างจากห้องน้ำ พอสมควร หากทำไม่ได้ เนื่องจากพื้นที่มีจำกัด ต้อง ทำซิงค์ล้างมือด้านนอกเพิ่มขึ้นอีก 1 จุด และเน้นเรื่องการล้างมือให้สะอาดเสมอ เพื่อป้องกันการติดเชื้อ และถ้าสามารถทำได้ ควรทำผนังกั้นระหว่างห้องน้ำ และ ห้องครัว ให้มีช่องว่าง เป็นช่องอากาศ ก็จะแก้ปัญหาเรื่องการยืด หด ของผนังได้

3.ห้องครัว ไม่ควรวางเตาให้ตรงกับประตู เพราะจะทำให้ผู้อยู่อาศัยร้อนรุม อยู่บ้านไม่ติด
อธิบาย : เตาเป็นที่มาของความร้อน หากเตาถูกใช้งานคลื่นความร้อนจะแผ่ออกมา ทำให้ทั่วบริเวณมีความร้อนเพิ่มขึ้น และคลื่นความร้อนจะไหลออกทางด้านประตูในปริมาณที่มาก ทำให้ห้องที่อยู่ติดกันได้รับคลื่นความร้อนมาก และมีความรู้สึกไม่อยากอยู่บ้าน เพราะความร้อนที่แผ่ออกมานั่นเอง
วิธีแก้ : จัดวางเตาให้อยู่ที่ผนังด้านที่สามารถระบายความร้อนออกไปนอกอาคารได้ โดยอาจทำหน้าต่างเพิ่ม เพื่อระบายความร้อน หรือ ติดพัดลม เครื่องดูดครัว พัดลมระบายอากาศ เพื่อระบายความร้อนออกไป
4.บนหัวเตา หากมีขื่อ หรือคาน ผาดผ่าน จะทำให้ผู้หญิงในบ้านล้มป่วย เจ็บไข้ อยู่บ่อย ๆ
อธิบาย : ขื่อ หรือคาน ทีอยู่เหนือเตาจะเป็นจุดที่ต่ำที่สุดบนฝ้า และเป็นที่เก็บฝุ่นผง ละอองไขมัน
หากไม่ระวังจะเป็นที่สะสมของเชื้อโรค และเชื้อโรคเหล่านี้จะตกลงใส่อาหารได้ ทำให้ผู้ที่ได้รับเชื้อเกิดการไม่สบายขึ้นมาได้ และผู้ที่ใช้เวลาอยู่ในห้องครัวส่วนใหญ่จะเป้นผู้หญิง จึงมีโอกาสติดเชื้อโรคต่าง ๆได้มากกว่าและมีโอกาสไม่สบายมากกว่า
วิธีแก้ไข : หมั่นทำความห้องครัวเสมอ โดยเฉพาะผนัง และ ขื่อ คาน ไม่ให้มีฝุ่น ละออง คราบไขมัน เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งเพาะพันธุเชื้อโรค และคราบน้ำมันเองก็เป็นส่วนที่ติดไฟได้ง่าย จึงต้องทำความสะอาดเสมอ

5. เตาไฟไม่ควรอยู่กลางแจ้ง ด้านหลังเตาไฟควรมีผนังกั้น หากไม่เช่นนั้นเจ้าของบ้านจะมีโอกาสเสียทรัพย์จำนวนมาก หากมีผนังกั้นจะมีทรัพย์ และ สามารถเก็บเงินทองไว้ได้จำนวนมาก
อธิบาย : การจุดเตาในที่แจ้งและไม่มีที่กั้นนั้นอันตรายมากเพราะ สมัยก่อนเชื้อเพลิงที่ใช้คือ ถ่านไม้ หรือ ไม้ฟืน หากมีกระแสลมแรงพัดมาที่ที่จุดเตาอยู่ กระแสลมจะพัดเศษไม้ที่มีไฟติดลอยไปตามที่ต่าง ๆ หาก เศษไฟไปตกยังที่ที่เป็นเชื้อไฟได้ ก็จะก่อให้เกิดอัคคีภัยได้ ดังนั้นจึงควรมีที่กั้นด้านหลังเพื่อกันไม่ให้เศษไม้ที่ติดไฟลอยกระจายออกไปเป้นการป้องกันไฟไหม้ แต่ในปัจจุบันพบว่าการใช้เชื้อเพลิงเปลี่ยนเป็นการใช้ไฟฟ้า และแก๊ส ซึ่ง ไม่มีเศษวัสดุติดไฟลอยออกไป จึงปลอดภัยขึ้น แต่การที่มีผนังกั้นด้านหลังก็จะช่วยให้ลมที่พัดมาที่เตาไฟชะลอความเร็วลง และช่วยให้เปลวไฟคงที่มากขึ้น จะทำให้การใช้เชื้อเพลิงน้อยลง
วิธีแก้ไข : เตาไฟควรตั้งอยู่ในที่ระบายอากาศได้ดี และมีผนังด้านหลังกั้นไว้เพื่อชะลอความเร็วของลมลงให้เปลวไฟคงที่ เพื่อเป็นการประหยัดการใช้พลังงาน และ เป็นการป้องกันการกระจายความร้อนไปยังอีกห้อง

6.เตาไฟที่ตั้งติดอยู่กับท่อน้ำ ไม่ว่าจะเป็นด้านข้างหรือด้านหน้าจะส่งผลร้ายให้ผู้อยู่อาศัย มีเรื่องต้องขึ้นโรงขึ้นศาล
อธิบาย : ในการทำอาหารสมัยก่อน แหล่งน้ำที่ใช้จะเป็นแหล่งน้ำจากการขุด เช่น บ่อน้ำบาดาล ในบริเวณที่ทำอาหารจะมีเศษอาหารเหลือทิ้ง และ หากว่าเศษอาหารเหล่านั้นตกลงในบ่อน้ำจะทำให้น้ำในบ่อเน่าเสียได้ การทำอาหารจึงเป็นการตักน้ำจากบ่อมาใช้โดยให้แหล่งน้ำอยู่ไกลออกไปจากสถานที่ทำครัว แต่ในปัจจุบันพบว่าน้ำที่ใช้เป็นน้ำที่มาจากท่อประปาซึ่งไม่สามารถปนเปื้อนจากภายนอกได้ การมีน้ำใกล้เตาไฟจึงไม่เป็นปัญหาต่อไป แต่ในการออกแบบการวางท่อประปานั้นควรจะวางก็อกน้ำให้ห่างจากเตาพอควร เพราะในขณะที่ประกอบอาหารประเภททอดที่ใช้น้ำมันหากบังเอิญมีน้ำหล่นใส่ในน้ำมัน จะเกิดปฎิกิริยาน้ำมันกระเด็นใส่ผุ้ปรุงอาหาร
วิธีแก้ไข : สำหรับการวาง Sink น้ำ และ เตา นั้นไม่ควรวางติดกัน แต่ควรจะมีโต๊ะกั้นระหว่างอุปกรณ์ทั้งสองเพื่อความปลอดภัยของผู้ที่ปรุงอาหาร



ห้องน้ำ
1.ไม่ควรวางห้องน้ำไว้กลางบ้าน จะนำโชคร้ายมาให้ และคนที่อยู่ในบ้านจะป่วยไข้ ไม่สบาย
อธิบาย : ห้องน้ำเป็นห้องที่มีความชื้นสูง แบคทีเรียเจริญเติบโตได้ดีและมีเชื้อโรคสั่งสมอยู่มาก หากนำมาไว้กลางบ้าน เชื้อโรคก็จะแพร่ไปทุกทิศทุกทางทำให้ผู้อยู่อาศัย มีโอกาสป่วยไข้ได้ง่าย อีกทั้งขณะที่ใช้ห้องน้ำจะมีกลิ่นเหม็น ซึ่งรบกวนการอยู่อาศัย และ หากว่าออกจากห้องน้ำ การแต่งตัว ไม่เรียบร้อยก็จะเป็นภาพที่ไม่น่าดู ทำให้ผู้ที่ออกมาจากห้องน้ำเกิดความอับอายได้
วิธีแก้ : จัดวางห้องน้ำอยู่ด้านในของบ้าน โดยอยู่ในที่ลับตาคนสักนิด จะดี ประตูห้องน้ำไม่ควรหันออกมาทางด้านหน้าบ้าน ควรหันออกด้านข้าง เมื่อเวลาออกจากห้องน้ำจะได้ไม่เป็นที่สังเกตุมากนัก และในการวางห้องน้ำควรอยู่ในทิศตะวันตก เพราะเป็นทิศที่ได้รับแสงแดดยามบ่ายที่ร้อน แสงแดดจะช่วยฆ่าเชื้อโรค และ ช่วยไล่ความชื้น หรือจะวางอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งจะได้รับแดดยามบ่าย และกระแสลมที่พัดผ่าน ห้องน้ำควรจะมีการระบายอากาศที่ดี เพื่อให้กลิ่นที่เกิดจากหลังการใช้งานออกสู่นอกตัวอาคารไม่หมักหมมอยู่ภายในอาคาร

2. การวางสุขภัณฑ์ไม่ควรวางหันหน้าตรงกับประตูห้องน้ำ เพราะจะทำให้ผู้อยู่อาศัยเจ็บไข้ เป็นโรคเกี่ยวกับหัวใจ
อธิบาย : การวางสุขภัณฑ์โดยเฉพาะโถชักโครกให้หันตรงกับประตูนั้น สามารถทำได้ในพื้นที่จำกัด และมักจะพบว่าเป็นการวางในสถานที่สาธารณะ เช่นในห้างสรรพสินค้า โรงละคร โรงภาพยนตร์ สำนักงาน แต่สำหรับ บ้าน และ ที่อยู่อาศัย ไม่ควรวางสุขภัณฑ์โดยเฉพาะชักโครกให้หันตรงกับประตู เพราะ หากบังเอิญระหว่างการใช้ห้องน้ำมีผู้อื่นเปิดประตูเข้ามา ก็จะเห็นภาพที่ไม่น่าดู ทำให้ระหว่างการใช้ห้องน้ำมีความกังวลใจในเรื่องว่าจะมีคนเปิดประตูเข้ามา ทำใหสุขภาพจิตไม่ค่อยดี
วิธีแก้ : สำหรับห้องน้ำที่อยู่ในบ้าน และ ที่อยู่อาศัย เลี่ยงการหันโถชักโครก ตรงกับประตู แต่หันด้านข้างให้ประตูจะเหมาะสมกว่า เพราะเมื่อใช้ห้องน้ำอยู่ และบังเอิญมีผู้อื่นเปิดประตูเข้ามาก็จะไม่เห็นภาพที่ไม่น่าดู

ห้องทำงาน
1.โต๊ะทำงานไม่ควรอยู่ตรงกับประตูทางเข้า ไม่เช่นนั้นเจ้าของห้องจะต้องเผชิญกับปัญหาตลอดเวลา และจะมีผลต่อสุขภาพเกี่ยวกับหัวใจ
อธิบาย : การที่วางโต๊ะทำงานตรงกับประตูนั้น เวลามีคนเข้ามาติดต่องาน ก็จะเข้าถึงตัวเจ้าของห้องได้อย่างรวดเร็ว เมื่อเป็นเช่นนั้นเจ้าของห้องก็จะไม่สามารถเก็บเอกสารได้ทัน ซึ่งบางครั้งเป็นข้อมูลสำคัญก็อาจส่งผลให้เจ้าของห้องมีปัญหาในหารทำงานได้ และการที่มีแขกเข้ามาอย่างรวดเร็ว จะทำให้เจ้าของห้องตกใจ จนอาจทำให้ระบบหัวใจทำงานผิดปกติได้ อีกทั้งการที่โต๊ะทำงานตรงกับประตู หากประตูเป็นกระจกก็จะรู้สึกรำคาญ ไม่มีสมาธิในการทำงาน
วิธีแก้ : การวางโต๊ะทำงานควรวางเฉียงกับประตูทางเข้าห้อง ด้านใดด้านหนึ่งแต่ถ้าให้ถูกตามหลักฮวงจุ้ยจริง ๆ ประตูทางเข้าควรจะอยู่ตรงข้ามกับโต๊ะทำงาน โดยโต๊ะทำงานจะอยู่เฉียงด้านซ้ายจะดีที่สุด ผู้ที่ทำงานจะมีความถนัดในการทำงาน และสามารถเก็บเอกสารสำคัญได้ทันก่อนที่แขกจะเข้ามาถึงโต๊ะทำงาน การทำงานจะมีอำนาจ มีคนนับถือเชื่อฟัง และจะประสบความสำเร็จมีทรัพย์ ร่ำรวย แต่สำหรับบางแห่งโต๊ะทำงานไม่สามารถวางตรงกับทางเข้าห้องได้ กลายเป้นประตูทางเข้าอยู่ด้านข้างโต๊ะทำงาน แบบนี้ถือว่าไม่ดี ทำงานได้แต่ไม่สำเร็จ จะมีอุปสรรคมากมาย และไม่มีอำนาจในการปกครอง ไม่มีคนนับถือ
2.หากด้านหลังของโต๊ะทำงาน ไม่ควรเป็นหน้าต่าง ประตู หรือ เป็นกระจกทั้งบาน ไม่เช่นนั้นเจ้าของห้องจะถูกหักหลัง หรือโกงจนหมดตัว และ เป็นโรคประสาทตาจะเสื่อมเร็ว
อธิบาย : ในอดีตการลอบขโมยเอกสาร หรือลอบทำร้ายเจ้าของห้องนั้น คนร้ายมักจะแอบซุ่มอยู่ด้านหลัง และเมื่อเจ้าของห้องเผลอ ก็จะออกมาขโมยเอกสารสำคัญ หรือเข้าทำร้ายเจ้าของห้องจากด้านหลังทันที และจากลักษณะทางสถาปัตยกรรมศาสตร์ การที่ด้านหลังเป็นที่โล่ง กระจก จะส่งผลให้จิตใจไม่สงบนิ่ง กังวลว่าจะชนกระจกตกลงมา
วิธีแก้ : ดังนั้นในห้องทำงานผนังด้านหลังของห้องทำงานจึงควรจะทึบ เพื่อป้องกันการถูกลอบขโมยเอกสาร และลอบทำร้าย หากหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็ควรใช้ตู้เตี้ยเป็นตัวกั้นติดกระจก เพื่อทำให้รู้สึกปลอดภัยขึ้น


ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ
การให้ความรู้ที่ถูกต้อง เป็นบารมีที่มีค่ามาก
สมชัย เจริญวรเกียรติ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น